หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5:4 เสียงให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึง คณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ทั้งคณะ ทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยสิ้นสุดลง ด้วยระยะเวลาการทำงานเพียง 358 วัน นับจากวันที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 22 สิงหาคม 2566
เรื่องนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วทุกภาคส่วนธุรกิจของไทย และหนึ่งในนั้นคือธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหาร
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจรุนแรงมากนัก ในตลาดหุ้นน่าจะเกิดความผันผวนระยะสั้น เพราะคงจะมีนายกรัฐมนตรีรักษาการ และคณะทำงานประคองการขับเคลื่อนประเทศไทยต่อไป
หากมาจากพรรคการเมืองเดิมคงบริหารตามนโยบายที่เคยวางไว้ เรื่องนี้ต้องรอดูว่าเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีกรอบเวลาดำเนินงานที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างรุนแรง
"อย่างเร็วที่สุดทุกอย่างจะต้องเคลียร์และจบภายใน 30 วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุน ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหาจากผลกระทบเรื่องสงคราม ทำให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตมาสู่เป้าหมายในประเทศอาเซียนเป็นจำนวนมาก หากประเทศไทยยังขาดความชัดเจน ความเชื่อมั่นจะหายไป และสูญเสียโอกาส"
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการนำเข้าส่งออกจะยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ทิศทางธุรกิจก็น่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไร แต่กระบวนการต่างๆ ไม่ควรช้ามากกว่า 30 วัน เพราะจะส่งผลกระทบในระยะยาว
อยากให้ใครก็ตามที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องมีคุณสมบัติที่มีความรู้รอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะจำเป็นต้องฟื้นตัว นายกรัฐมนตรีต้องมองทะลุทั้งการค้า การลงทุน ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ