สภาอุตฯ ลุย BCG-Go Green รับวิสัยทัศน์ "ทักษิณ" ปรับโครงสร้างอุตฯ

02 ก.ย. 2567 | 10:26 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2567 | 10:47 น.

สภาอุตสาหกรรม ชี้วิสัยทัศน์ “ทักษิณ” ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ดันรถ EV บิ๊กดาต้า Go Green เป็นทิศทางเดียวกับที่ภาคเอกชนกำลังเร่งดำเนินการ ดันสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ ตอบโจทย์เทรนด์โลก

จากที่นายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์ “Vision for Thailand 2024 “ทิศทางเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนไปอย่างไร ทิศทางการเมืองไทยนับต่อจากนี้” จัดโดยสถานีโทรทัศน์ Nation TV (22 ส.ค. 2567)

ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

โดยสาระสำคัญส่วนหนึ่ง ได้พูดถึงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้ทันกับโลก การสร้าง Eco-system สำหรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น EV โดยสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV)จากจีนมาใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาการผลักดันเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ กรีนเอ็นเนอยี(พลังงานสะอาด)

นายเกรียงไกร  เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่มีสมาชิกครอบคลุม 46 กลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า เรื่องต่าง ๆ ข้างต้นอยู่ในกรอบและนโยบายที่เป็นทิศทางเดียวกัน และมองเห็นภาพเดียวกันกับที่สภาอุตสาหกรรมฯ กำลังเร่งผลักดันอยู่ และได้พูดมาตลอด

ที่สำคัญคือการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมทั้งระบบเพื่อทรานส์ฟอร์มจากอุตสาหกรรมยุคเก่า หรือยุคดั้งเดิมที่เริ่มล้าสมัย ไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ที่สร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทย โดยร่วมกับบีโอไอในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้ออำนวยเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และนักลงทุนต่างชาติ (FDI)ในการลงทุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์เทรนด์ของโลก ช่วยลดโลกร้อน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น บิ๊กดาต้า คลาวด์เซอร์วิส พลังงานสะอาด รถอีวี สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในอนาคต

ขณะเดียวกัน ส.อ.ท.ยังเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในกลุ่ม BCG (Bio- Circular-Green) ที่ ส.อ.ท. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และแนวทางขับเคลื่อนผู้ประกอบการสู่ Smart SMEs ผ่าน 4GO คือ 1.Go digital & AI 2.Go innovation 3.Go global และ 4.Go Green

อย่างไรก็ดีในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ ส.อ.ท.จะเร่งผลักดัน “4 Go” อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอีกครึ่งหนึ่งของสมาชิก ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เปราะบาง มีกำไรตํ่า ใช้แรงงานสูง ที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากโควิดที่เพิ่งคลี่คลาย ปัจจุบันยังต้องเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน และเผชิญกับสินค้าจากต่างประเทศที่มีราคาตํ่าเข้ามาดัมพ์ตลาด ทำให้แข่งขันลำบาก

“วิสัยทัศน์  Vision for Thailand ของคุณทักษิณเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม เพื่อนำสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตใหม่ ๆ อยู่ในแนวทางเดียวกันกับที่ทางสภาสภาอุตสาหกรรมได้มีแผนการยกระดับหรือเปลี่ยนผ่าน ทำให้เห็นภาพเดียวกันซึ่งก็เห็นพ้องตรงกันกับภาคเอกชนทุกประการ”

ส่วนเรื่องขอให้จีนมาเป็นพาร์ทเนอร์ใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พวงมาลัยขวา ส่วนพวงมาลัยซ้ายผลิตที่จีนตามเดิม เรื่องนี้ก็เห็นด้วย หากจีนสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนในไทย รวมถึงในประเทศอื่น ไทยและจีนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

ขณะที่ในเรื่องดาต้า เซ็นเตอร์ที่เวลานี้มีต่างชาติเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอของไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรม/กิจการที่เป็นเป้าหมายใหม่ของไทย (New S-Curve)  และเป็นเทรนด์ และเป็นความต้องการของโลก จากอุตสาหกรรมดั้งเดิมของไทยเริ่มไม่เป็นที่ต้องการ และเริ่มล้าสมัย จากมีคู่แข่งขันมาก ขณะที่อุตสาหกรรมที่ไทยควรจะต้องก้าวไปข้างหน้า เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตหรือ Next-Gen ที่สร้างเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ ซึ่งทางสภาอุตสาหกรรมฯ ได้กำหนดเป้าหมายและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับที่หลายฝ่ายอยากเห็น