"เอกนัฏ" จ่อตั้งกองทุนฎิรูปอุตสาหกรรมหมื่นล้าน ช่วยอุตฯไทยสู้การทุ่มตลาด

11 ก.ย. 2567 | 04:03 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2567 | 04:04 น.

"เอกนัฏ" จ่อตั้งกองทุนฎิรูปอุตสาหกรรมหมื่นล้าน ช่วยอุตฯไทยสู้การทุ่มตลาด พร้อมเดินหน้า 3 นโยบายเร่งด่วน ทั้งการกำจัดขยะมลพิษที่ทำร้ายชีวิตประชาชน ปกป้องอุตสาหกรรม และพัฒนาให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังข้าสักการะองค์พระนารายณ์ ไหว้ศาลพระภูมิ รวมถึงกราบพระพุทธรูปประจำกระทรวงอุตสาหกรรม และเข้าห้องทำงานวันแรก ว่า ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการวันแรก ได้เซ็นบันทึกเตือนใจสำหรับการทำงาน 

ทั้งนี้ เป็นความหวังต้องการให้เกิดผลสำเร็จในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องทำทันที ทำเดี๋ยวนี้ ซึ่งหัวใจสำคัญตอนนี้คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆของโลก 
 

กระทรวงอุตสาหกรรมมีอาวุธน้อย ดังนั้นต้องติดอาวุธก่อน มีเป้าหมาย มีระยะเวลากำหนดชัดเจน โดยมีความคิดเสนอก่อตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรม โดยจะรวบรวมกองทุนที่อยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีเยอะ หลายภารกิจมาไว้ที่เดียว 

"เอกนัฏ" จ่อตั้งกองทุนฎิรูปอุตสาหกรรมหมื่นล้าน ช่วยอุตฯไทยสู้การทุ่มตลาด

จะกำหนดภารกิจชัดเจนในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมไทย โดยวงเงินกองทุนเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่หลักหมื่นล้านบาท เพราะแค่กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐก็มีเงินหลักหมื่นล้านบาทแล้ว โดยการจัดตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรมจะเห็นความชัดเจนโดยเร็วแน่นอน

อย่างไรก็ดีเบื้องต้นจะเดินหน้า 3 นโยบายสำคัญ ประกอบด้วย 
 

  • การกำจัดขยะมลพิษที่ทำร้ายชีวิตประชาชนหลายที่หลายจุด โดยบ่ายวันนี้จะลงพื้นที่ บริษัท วินโพเสส จ.ระยอง เพื่อรับฟังปัญหาและติดตามการแก้ปัญหาขยะพิษในพื้นที่ 
  • จะเดินหน้าปกป้องอุตสาหกรรม จากพฤติกรรมการบิดเบือนตลาด การทุ่มตลาด เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งเซฟอุตสาหกรรมไทย ต้องช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ให้ทำมาค้าขายด้วยระบบโปร่งใส 
  • การพัฒนาอุตสาหกรรมให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่ให้เติมเต็มห่วงโซ่อุตสาหกรรมในปัจจุบัน เพื่อให้อุตสาหกรรมเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง มีความยิ่งใหญ่ ทั้งหมดเป็นภารกิจที่ตั้งใจเดินหน้าโดยเร็วที่สุดในช่วงระยะเวลาที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นอกจากนี้จะเร่งปรับแก้กฎหมายให้มีความเข้มข้น เข้ากับสถานการณ์ อาทิ กฎหมายกรมโรงงานที่จะมีเพิ่มโทษให้ผู้ประกอบการที่กระทำผิดได้รับโทษจากการไม่รับผิดชอบ ส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ บูรณาการในภาพรวม ทั้งของกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด