บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เลื่อนประชุมด่วน 36 ล้านคน ลุ้นต่อแจกเงินดิจิทัล

23 ก.ย. 2567 | 12:27 น.
อัพเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2567 | 12:34 น.

คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” แจ้งเลื่อนประชุมบอร์ดนัดแรกด่วน หลังคลังเชิญประชุมพรุ่งนี้ 36 ล้านคนที่ลงทะเบียนแอปทางรัฐ ยังลุ้นต่อแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งเดิมได้กำหนดวันประชุมคณะกรรมการฯ นัดแรก ในวันที่ 24 กันยายน 2567 หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้น ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. แต่ล่าสุดได้แจ้งยกเลิกการประชุมกระทันหัน 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า เดิมทีกระทรวงการคลัง ได้กำหนดวันนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งแรก ในวันที่ 24 กันยายน นี้ หลังจากนายกฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2567 นี้ ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 แต่ล่าสุดได้ขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อน และจะแจ้งวันเวลาให้ทราบอีกครั้ง

สำหรับวาระสำคัญที่ต้องติดตามในการประชุมครั้งแรก นั่นคือ แนวทางการผลักดันโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) คนละ 10,000 บาท ภายหลังจากรัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเดิม ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ และมียอดคนเข้ามาลงทะเบียนกว่า 36 ล้านคน ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปว่า คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกฯ ประชุมนัดแรกนั้น จะมีข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวว่าอย่างไร

ภายหลังจากการแถลงข่าวในครั้งก่อน ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ร่วมกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงความชัดเจนถึงการดำเนินโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ในคณะกรรมการชุดนี้ จะพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณที่มีอยู่ รวมทั้งรายละเอียดอื่น ๆ ที่จะต้องเดินหน้าต่อไปด้วย

"คณะกรรมการฯ จะมานั่งดูอย่างรอบคอบ ซึ่งจะดูในหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งจะจ่ายเงินอย่างไร จ่ายเมื่อไหร่ จ่ายด้วยวิธีไหน ก็คงต้องมานั่งดูกันอีกที" นายพิชัย ระบุก่อนหน้านี้
 

แหล่งข่าว ระบุว่า ในวาระการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ นัดแรกนั้น เบื้องต้นที่ประชุมจะหารือถึงภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมดจากหน่วยงานสำคัญด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งสำนักงบประมาณ เพื่อติดตามว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร

จากนั้นทุกหน่วยงานอาจเสนอแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2567 ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติมนอกจากการผลักดันการแจกเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการออกไปแล้วในช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 นี้