นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการกระตุ้นการลงทุนจากประเทศจีนให้เข้ามาที่ประเทศไทย โดยได้มีการจัดการประชุม One-on-one กับนักลงทุนที่มีศักยภาพ 2 บริษัท ได้แก่ Zhonghong Pulin Medical Products และ Foxconn เพื่อเจรจาและส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนในประเทศไทยภายใต้แคมเปญ Now Thailand – The Golden Era ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเชื่อว่าไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการลงทุน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แรงงานที่มีทักษะสูง และนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เอื้อต่อธุรกิจ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความโดดเด่นด้านผลประกอบการทางเศรษฐกิจ และประสิทธิภาพของรัฐบาล จากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันระดับโลก กนอ.จะมุ่งเน้นให้บริการและสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุน เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนผ่านโมเดล BCG และนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065
"กนอ. จะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาให้แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการทุกขนาด โดยยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการลงทุนจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) และเทคโนโลยีต่างๆ"
นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า ได้นำเสนอภาพรวมเศรษฐกิจไทย โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นโยบายส่งเสริมการลงทุน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักลงทุนจะได้รับ อีกทั้งยังยังมีกิจกรรม Roundtable เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความร่วมมือกับสมาคมนักธุรกิจเซินเจิ้น ประเทศไทย
และ Customer Visit เยี่ยมชมบริษัท BYD Auto Industry Co., Ltd. เพื่อศึกษาความสำเร็จของการลงทุนจากจีนในประเทศไทย โดยโดยปัจจุบันเครือ BYD ได้ลงทุนในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้ประชุมพบปะหารือกับผู้บริหารระดับสูงของ China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) โดย กนอ. ได้แสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมสนับสนุนการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ
การดำเนินการดังกล่าวเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับทั้งสองประเทศ