นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ จะนัดหารือสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงการเดินหน้าสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ เพื่อสรุปรายละเอียด แล้วจะนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป
“ผมจะนัดประชุมในฐานะที่เป็น รมช.คลัง ที่ได้รับมอบหมายจากครม. ซึ่งจะดูผลการประชาพิจารณ์ที่ปิดไปเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย โดยได้รับรายงานว่าประชาชนเห็นด้วย 82-83% และจะประชุมสรุปเพื่อที่จะเสนอเข้าครม. คาดว่าใช้เวลาไม่นาน ต้นเดือนต.ค.67 ก็น่าจะแล้วเสร็จ”
ทั้งนี้ สิ่งที่กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการไม่ได้ต่างจากรายละเอียดที่สภาฯ ส่งมาให้ครม. พิจารณา โดยมีการปรับเปลี่ยนเพียงบางอย่าง สำหรับเรื่องที่เป็นข้อจำกัดทางกฎหมาย
โดยยกตัวอย่าง เช่น การบริหารรายได้ หรือการจัดเก็บภาษีต่างๆ ซึ่งตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง กำหนดว่าเป็นอำนาจของกระทรวงการคลัง โดยกรมการจัดเก็บภาษี 3 แห่ง ซึ่งจะไปมอบอำนาจให้คณะกรรมการฯ หรือหน่วยงานอื่นๆ จัดเก็บรายได้ เหมือนกับที่สภาฯ ส่งมาไม่ได้
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่สภาฯ แนะนำให้ตั้งกองทุนที่จะเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา แต่เมื่อมาพิจารณาแล้ว ติดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เรื่องการจัดตั้งกองทุนใหม่ ไม่ให้มีภารกิจซ้ำซ้อน ส่วนงานราชการก็แนะนำให้ปรับรูปแบบ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนรายละเอียดพื้นที่ในการจัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์นั้น ยืนยันว่า ไม่มีการพูดคุยในประเด็นดังกล่าว และไม่ใช่หน้าที่ของตน เนื่องจากเราอยู่ในขั้นตอนการทำกฎหมาย จึงไม่ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ได้มีการวิเคราะห์ผลได้ทางเศรษฐกิจว่าจะมีรายได้ต่อรัฐบาลเท่าใด โดยใช้โมเดลจากสิงคโปร์เป็นหลัก
“ยืนยันว่าการเดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมธุรกิจ ส่วนการป้องกันผลกระทบในทางลบ เราก็ต้องไปคิดให้รอบครอบ แต่สุดท้ายก็เป็นหน้าที่ของสภาฯ เพราะเมื่อเราส่งเข้าสภาฯ ก็มีหน้าที่พิจารณาละเอียดรอบครอบว่ามีผลในทางลบอย่างไร และจะป้องกันต่อไปอย่างไร”
ด้านกรณีที่มีประชาชนบางกลุ่มแสดงเจตจำนงค์เข้าร่วมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ มองว่าเป็นข้อดี แต่เรียนว่าเราไม่เคยเจอ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการปิดกั้น หากภาคเอกชนมีแนวคิดที่จะทำ ก็สามารถทำได้ ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่าเราจริงจังในการเดินหน้าโครงการ ก็ถือว่าเป็นผลบวกแล้ว
“เมื่อกฎหมายผ่านแล้ว เราจึงจะมากำหนดอีกครั้งว่าพื้นที่ในการจัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์จะเป็นที่ใด ซึ่งกว่ากฎหมายจะผ่านคาดว่าจะใช้เวลานานนับปี รวมทั้งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อกำหนดพื้นที่ จังหวัด ที่มีความเหมาะสม และรัฐบาลอยากได้อะไร เช่น กำหนดให้มีสวนสนุก สนามกีฬาระดับนานาชาติ เป็นต้น”