นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการหารือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างไม่เป็นทางการ (วันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา) ยังได้หารือเรื่องกรอบเงินเฟ้อ มองแนวโน้มในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 1% และประเมินว่าทั้งปีมีแนวโน้มจะหลุดกรอบ
อย่างไรก็ตาม ภายในเดือนต.ค.นี้ จะมีการนัดประชุมผู้ว่าการ ธปท. ที่กระทรวงการคลัง เพื่อหารือเรื่องการปรับกรอบเงินเฟ้อปี 68 อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“การหารือกับ ธปท.ครั้งนี้ ถือว่ายังไม่จบ จะมีการนัดคุยกันอีกเรื่อยๆ ตั้งใจจะนัดกันภายในเดือนตุลาคมนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยจะคุยกันแบบละเอียดมากขึ้น เพราะครั้งนี้ก็คุยกันแค่หลักการ”
นอกจากนี้ ได้พูดคุยกับ ธปท. เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์เศรษฐกิจร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ สหภาพยุโรป รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
"สถานการณ์เหล่านี้นำไปสู่เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน หรือค่าเงิน ซึ่งไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้ก็อ่อนค่าลงมาเล็กน้อย จากที่ติดตามดู สถานการณ์ค่าเงินบาทหลายวันมานี้ยังพอที่จะสามารถมอนิเตอร์ได้อยู่ และต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กนง. ดูแล"
อย่างไรก็ตาม มองว่าการแก้ปัญหาเรื่องของค่าเงินนั้น ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ด้วยการแก้ไขตรงๆ ต้องดูว่าควรจะใช้เครื่องมือใด ก็ต้องลองไปตัดสินใจ และคณะกรรมการก็ต้องดูให้ละเอียด
ส่วนกรณีสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า ที่มีผลต่อการส่งออกนั้น ก็ต้องมาพิจารณาและวิเคราะห์ว่ายอดส่งออก ปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ในเชิงปริมาณของการส่งออก ไม่น่าจะมีผลกระทบ และส่วนตัวประเมินว่าการส่งออกก็น่าจะปรับตัวดีขึ้น ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 67
"การกันคุยกันวันนี้ก็เข้าอกเข้าใจกันดี จริงๆ ผมกับ ธปท. เราเข้าใจกันมานานแล้ว เพราะว่าเราก็มองงานเดียวกัน ส่วนการที่คิดว่าจะแก้ไขทันทีนั้น ก็คงต้องดูผลกระทบอย่างอื่นด้วย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่า คือ การช่วยให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน"