"BOI" เปิด 3 ปัจจัยมีผลต่อการลงทุนโลก ขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ดูดทุนไหลเข้าไทย

07 ต.ค. 2567 | 08:04 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2567 | 08:04 น.

"BOI" เปิด 3 ปัจจัยมีผลต่อการลงทุนโลก ชี้ทุนไหลมาไทยจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ระบุเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นในอาเซียน ในการเป็นแหล่งรองรับการลงทุน มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมที่สุดในภูมิภาค

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยในงานสัมมนา “ASEAN Economic Outlook 2025 : The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity”  ช่วงเสวนา หัวข้อ Geopolitics in the Modern wOrld : Powers, Resources and Global Trade Wars จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนโลกมี 3 G ประกอบด้วย

  • Geopolitical Tension โดยจะนำไปสู่เรื่องการสร้างสมดุลเกี่ยวกับปรับโครงสร้างซัพพลายเชนของโลก
  • Green Trandformation ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่จะมุ่งสู่แนวทางความเป็นกลางทางคาร์บอน และ Net Zero ทำให้ทุกบริษัทต้องมีการวางแผนการผลิต และการใช้พลังงานสะอาดที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายให้ได้
  • Global Minimum Tax เป็นกติกาภาษีใหม่ของโลกที่องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) บังคับใช้ ซึ่งประเทศส่วนใหญ่จะเริ่มใช้ปีหน้า โดยที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนกฎหมายใหม่ที่จะมีการเก็บภาษีส่วนเพิ่มให้ได้ 15% ซึ่งกติกาของภาษีก็คือ บริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้เกิน 750 ยูโรต่อปี จะต้องเสียภาษีขั้นต่ำ 15% เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้เครื่องมือทางด้านภาษีมีความสำคัญลดน้อยลง แต่เครื่องมือด้านการเงิน และการอำนวยความสะดวกทางด้านธุรกิจจะมีผลมากขึ้น

"BOI" เปิด 3 ปัจจัยมีผลต่อการลงทุนโลก ชี้ทุนไหลมาไทยจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

"นักลงทุนต้องการความชัดเจน 3 เรื่องดังกล่าวมากที่สุด ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า 3G คือปัจจัยที่เปลี่ยนทิศทางการลงทุนของโลก โดยประเด็นที่สำคัญก็คือมีผลทำให้การลงทุนมุ่งมาทางอาเซียน" 

ขณะที่ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นในอาเซียนในการเป็นแหล่งรองรับการลงทุน โดยมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมที่สุดในภูมิภาค และมีการพัฒนาอย่างดี รวมถึงการพัฒนาทางด้านดิจิทัลที่มีทั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) คลาวด์ เซอร์วิส 5G ที่มีองค์กร (corporate) สูงมาก

นอกจากนี้ไทยยังและมีความเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนมองในการที่จะสร้างฐานการผลิตที่ใดที่หนึ่ง เพื่อวางอนาคต ย่อมมองไปยังพทื้นที่ปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งคือจุดแข็งของไทย

นอกจากนี้ ไทยยังมีศักยภาพทางด้านพลังงานสะอาด ซึ่งจะเป็นพลังงานอำนาจใหม่ของไทย โดยล่าสุดกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับนโยบายพลังงาน (กกพ.) กำลังพัฒนากลไกที่เรียกว่า หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff) และการซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA)

ซึ่งหากทั้ง 2 กลไกออกมาเป็นรูปธรรมจะทำให้ความโดดเด่นด้านพลังงานสะอาดของไทยมีมากขึ้น อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (GREEN ECONOMY) ได้

ด้าน Global Minimum Tax ที่หลายประเทศจะเริ่มบังคับใช้ปี 2568 ก็ได้มีการเตรียมมาตรการที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบ ขณะที่ไทยก็มีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายใต้บีโอไอในการเป็นเครื่องมือในการช่วยสนับสนุนบริษัทข้ามชาติให้พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน และลดผลกระทบในเรื่องกติกาภาษีใหม่ได้

นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า ด้วยปัจจัยทั้งหมดข้างต้น ทำให้ไทยมีโอกาสท่ามกลางวิกฤต หรือความท้าทายหลายอย่าง โดยมีโอกาสสูงมากในการดึงดูดการลงทุน รวมถึงผู้ที่มีความสามารถ (Talent) 

ส่วนของการลงทุนนั้น นอกเหนือจากการอัปเกรดอุตสาหกรรมเดิม และสร้างสรรค์อุตสาหกรรมใหม่ ไทยยังมี 5 สาขาที่จะเปลี่ยนเกมส์ให้กับไทย และสร้างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ประกอบด้วย 

  • พลังงานสีเขียว
  • ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
  • เซมิคอนดักเตอร์ กับสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์
  • ดิจิทัลขั้นสูง
  • การทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ

"เวลานี้ไทยเริ่มมาได้ถูกทางแล้ว และมีทิศทางที่ดีช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จากแนวโน้มของโลก ซึ่งกระแสการลงทุนหันมาทางอาเซียนและมาที่ไทยมากขึ้น โดยจะเห็นว่าตัวเลขการลงทุนที่ผ่านบีโอไอช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งปี 2566 เพิ่มขึ้น 43% ขณะที่ครึ่งปี 2567 เพิ่มขึ้น 35% โดยส่วนใหญ่อยู่ในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์"

อย่างไรก็ตาม ไทยยังสามารถทำให้บุคคลที่มีความสามารถเลือกที่จะเข้ามาช่วยงาน ด้วยความปลอดภัย และอนาคตที่ดีซึ่งมีรองรับ โดยจะเห็นได้จากการที่ไทยเริ่มใช้วีซ่าระยะยาวเป็นเวลา 2 ปี ปัจจุบันมีการอนุมัติแล้ว 5 พันกว่าคน ซึ่งมาจากยุโรปเป็นหลัก ตามด้วย สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยกลุ่มคนดังกล่าวจะมาพร้อมกับองค์ความรู้ เทคโนโลยี เครือข่ายทางธุรกิจ และเงินทุนที่จะมาลงทุน หรือจับจ่ายใช้สอยในประเทศ 

หากถามว่าปัญหาทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นมีความกังวลเรื่องใดมากที่สุด คงต้องบอกว่ามองเป็นโอกาสมากกว่า โดยจะทำให้ไทยเป็นแหล่งที่รองรับการลงทุน โดยจะมีส่วนสำคัญในการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ และเป็นปัจจัยที่จะสร้างการเติบโตในทศวรรษหน้าได้อีกด้วย