EDGNEX Data Centers โดย DAMAC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับโลกจากประเทศสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ได้ประกาศการลงทุนครั้งสำคัญ โดยวางแผนลงทุนกว่า 32,000 ล้านบาท (1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูล (Data Center) หลายโครงการในไทย เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทางด้านเทคโนโลยี AI ขั้นสูง และความสามารถในการประมวลผลข้อมูล EDGNEX ในเครือ DAMAC Group ยังเป็นผู้นำ ระดับโลก ในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ Data Center อื่นๆ อีกด้วย
ล่าสุด EDGNEX ประกาศการร่วมทุนกับ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำในด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาศูนย์ข้อมูล Data Center ขึ้นมา โดย EDGNEX จะถือหุ้น 70% ในการร่วมทุนและเป็นหัวเรือใหญ่ รับผิดชอบงานบริการด้านดาต้า เซอร์วิส (Data Services)
โดยนายฮุสเซน ซาจวานี ผู้ก่อตั้งประธาน และผู้ก่อตั้ง DAMAC หนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่ากลุ่ม DAMAC ได้ขยายดาต้าเซ็นเตอร์มายังภูมิภาคเอเขียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเลือกลงทุนในไทยเป็นที่แรก
ทั้งนี้มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตด้านนวัตกรรมดิจิทัล เทคโนโลยีอัจฉริยะ และเป็นผู้นำหลายด้าน ทั้งด้านการท่องเที่ยว และบริการ โดย DAMAC มุ่งมั่นสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล ที่กำลังเติบโตในประเทศไทย และการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับธุรกิจยุคใหม่ ที่เน้นการขับเคลื่อนด้วย AI ในการร่วมทุนเชิงกลยุทธ์ในประเทศไทยครั้งนี้ เราวางแผนในการขยายกำลังการผลิตของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ให้ถึงระดับ 100 เมกะวัตต์ ( ดาต้าเซ็นเตอร์ 1 เมกะวัตต์ เท่ากับเม็ดเงินลงทุน 350-400 ล้านบาท)
"การประกาศลงทุน 32,000 ล้านบาทเพื่อจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ ของกลุ่ม DAMAC เป็นจุดเริ่มต้นการขยายการลงทุนในไทยเท่านั้น โดยนอกจากกลุ่ม DAMAC จะมีการขยายการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยต่อเนื่องแล้วยังมองหาโอกาสลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วย"
ด้าน นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่ม DAMAC เป็นกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กำลังขยายมายังธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมีดาต้าเซ็นเตอร์ 16 แห่งใน 11 ประเทศ โดยไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ที่กลุ่ม DAMAC เลือกลงทุน และวางแผนการลงทุนไว้ 5-6 แห่ง ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 32,000 ล้านบาท หรือ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยแห่งแรกที่ดำเนินการไปแล้วคือที่พระราม 9 ซึ่งเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 5 เมกะวัตต์ที่ร่วมลงทุนกับบริษัทมูลค่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งกำลังจะขยายเพิ่มอีก 5 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะมีการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์ ขนาด 10 เมกะวัตต์อีก 3 -4 แห่ง โดยกำลังดูสถานที่ที่ศรีราชา เพื่อก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์พลังงานสะอาด
“การร่วมทุนดังกล่าวจะรวมถึงโครงการ Data Center ที่ล้ำสมัยซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ โดยระยะแรกจะมีกำลังการผลิตที่ 5 เมกะวัตต์ กำหนดเปิดดำเนินการได้ในต้นปี 2568 Data Center แห่งนี้ จะเป็นศูนย์ข้อมูลที่เป็นกลางทางด้านเครือข่าย (Carrier-Neutral Facility) พร้อมด้วยการรองรับ มาตรฐานการใช้งานในระดับ Tier III ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและ รองรับการให้บริการลูกค้าในระดับโลก โดยจะเริ่มดำเนินการภายในปีนี้”
นายกิตติพันธ์ กล่าวต่อไปอีกว่าแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นการขยายการลงทุนเพื่อรองรับบริการตัวเอง ไม่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจ AI ซึ่งขณะนี้มีบริษัท AI จากจีน และยุโรป เข้ามาพัฒนา AI ในไทยเป็นจำนวนมาก โดยมองว่าไทยมีศักยภาพการเติบโตของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์อีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดี และมีความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานทดแทน ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดดึงดูดให้มีการเข้ามาลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ได้อีกจำนวนมาก
ส่วนเรื่องจุดเสียเปรียบจากมาเลเซียนั้นคือเรื่องค่าไฟแพง ได้มีการหารือกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปแล้ว ซึ่งนายประเสริฐ จะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลเรื่องดังกล่าว
คาดว่าตลาดศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขนาดตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 14.27 พันเมกะวัตต์ในปี 2567 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 23.2 พันเมกะวัตต์ในปี 2572 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 10.21% สำหรับในไทยนั้นคาดว่าปีนี้ดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ มีมูลค่า 7.2 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 24% โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 23%
ทั้งนี้ DAMAC Group ได้ร่วมทุนกับ PROEN ผ่านบริษัท ซีซอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน(JV) ระหว่างบริษัทแมกม่า โฮลดิ้ง คอมพะนี ลิมิเต็ด และ บริษัท โปรเอ็นคอร์ป จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ บ.แมกม่าฯ ถือหุ้นใหญ่ โดยกลุ่มผู้ก่อตั้ง DAMAC Group ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่าปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างมาก โดยได้วางนโยบายเพื่อส่งเสริมการเติบโตของภาคดิจิทัลในทุกด้าน ตั้งแต่การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการส่งเสริมธุรกิจดิจิทัล การลงทุนครั้งนี้จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการประมวลผลข้อมูลของประเทศไทย รองรับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลรวมถึงดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามา นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนไทยในแง่ของงานและธุรกิจ