นายวิกาส เจน ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย (Country Head) ประจำ Funding Societies ประเทศไทย เปิดเผยว่า จะดำเนินการต่อยอดกลยุทธ์โดยการพัฒนาสินเชื่อเพื่อการค้าระยะสั้นในรูปแบบ B2B แบบไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และสามารถยื่นขอสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์
ทั้งนี้ เนื่องจากพบว่ายังมีเอสเอ็มอี (SMEs) จำนวนมากที่ต้องการเงินทุนเพื่อสานต่องานที่เริ่มต้นในปีนี้และเริ่มกิจกรรมใหม่ในปีหน้า การจัดหาทุนที่เหมาะสมจึงจะช่วยให้ SMEs สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวโน้มการขอสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้บริษัทต้องเร่งปล่อยสินเชื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และให้สอดคล้องกับทิศทางของพอร์ตสินเชื่อของบริษัทที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ที่ผ่านมายอดการขอสินเชื่อจาก SMEs เพิ่มขึ้นกว่า 200% ซึ่งเห็นได้จากช่วงเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความผันผวนของกระแสเงินสดในช่วงเทศกาล ซึ่งเกิดจากอุปสงค์และต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเงิน ทำให้ SMEs ต้องหาทุนเพิ่มเติมเพื่อรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานและตอบรับโอกาสเติบโตในช่วงพีคซีซั่น
“การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมของ SMEs ยังคงเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง SMEs กว่า 50% ยังไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนจากสถาบันการเงินทั่วไปได้ เนื่องจากหลายสาเหตุ เช่น ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ภาวะกดดันจากเศรษฐกิจระดับมหภาค และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่ใช้เวลานานเกินไป"
สำหรับสินเชื่อของ Funding Societies ทั้ง 4 รูปแบบได้รับการพัฒนาให้ตอบโจทย์ทุกช่วงวงจรธุรกิจ ไประกอบด้วย สินเชื่อหมุนเวียนจากลูกหนี้การค้า (Invoice Financing) ซึ่ง SMEs สามารถนำบิลหรือใบแจ้งหนี้มาเปลี่ยนเป็นเงินหมุนเวียนทำงานใหม่ได้โดยไม่ต้องรอเครดิตเทอมจากคู่ค้า
,สินเชื่อใบสั่งซื้อ (PO Financing) เพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการล่วงหน้าไปยังซัพพลายเออร์ ,สินเชื่อธุรกิจโครงการ (Project Financing) สำหรับผู้รับเหมาจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐฯและเอกชนในการทำโครงการให้แล้วเสร็จ
และสินเชื่อระยะสั้น (Business Term Loan) หรือสินเชื่ออเนกประสงค์ สำหรับการขยายธุรกิจ ซึ่ง SME สามารถยื่นขอสินเชื่อ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเข้ามาที่สาขา ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยสามารถให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อ SMEs ได้ถึง 10 ล้านบาทต่อราย