นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีผืนดินกว่า 300 ล้านไร่ 5.4 แสนตารางกิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร 67 ล้านคน ถือว่า เรามีพื้นที่เหลือเฟือ
ขณะที่การลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้น ปัจจุบันแม้จะมีความสนใจเข้ามาจำนวนมาก แต่ต่างชาติที่ต้องการลงทุน ต้องการความยาวนาน การปักหลักฐานเขาจะมาอยู่กับไทยที่มีสัญญาเช่าที่นาน เช่น 99 ปี หากไม่มีสัญญาณให้เช่าขนาดนี้ โอกาสที่จะทำให้การลงทุนนั้นยากขึ้น
ฉะนั้น นโยบายส่งเสริมการลงทุนหนึ่งที่รัฐบาลชุดนี้จึงจะผลักดัน คือ การสนับสนุนการใช้กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ และการขยายการเช่าที่ดินให้ยาวนานถึง 99 ปี แทนที่จะเป็น 30 ปี แบบในปัจจุบัน เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในการลงทุนที่ยาวนานเพียงพอที่จะคุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงสามารถได้สิทธิการใช้ที่ดิน ตามกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ ที่ทำให้ต่างชาติ สามารถขายสิทธิ์ หรือนำสิทธิ์นั้นไปเป็นหลักประกันการกู้จากสถาบันการเงินได้
ทั้งนี้ เมื่อสัญญาครบ 99 ปี สินทรัพย์จะตกมาเป็นของของรัฐ หรือคนรายได้น้อย เพราะจะนำที่ดังกล่าวมาจัดสรรต่อ ขณะเดียวกัน จะนำที่ดินของกรมธนารักษ์ หรือที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่เป็นของรัฐ ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์มานาน จะนำมาใช้ในหลักการทรัพย์อิงสิทธิ์ด้วน
โดยจะนำมาจัดสรรให้เป็นที่พักอาศัยสำหรับคนรายได้น้อย 99 ปี ในราคาประมาณ 70% ของที่ควรเป็น ก็เป็นโอกาสที่ดีของคนรายได้น้อยที่จะมีที่อยู่บนทรัพย์สิน บนสัญญา 99 ปี
“คนรายได้น้อยต้องการอาศัยในตัวเมือง เช่น สีสม สุขุมวิท พระราม 4 เพราะคนรายได้น้อยต้องการเดินทางถึงที่ทำงานเร็วที่สุด เพื่อใช้แรงงาน ไม่สามารถอยู่ข้างนอก และเสียค่ารถวันละ 300 บาทได้ ฉะนั้น จึงเป็นความจำเป็นของทุกประเทศที่คนรายได้น้อยต้องอยู่ในเมืองได้”