รัฐเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ของขวัญปีใหม่ ถก 19 พ.ย.นี้

17 พ.ย. 2567 | 23:18 น.

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เผยรัฐเตรียมแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรายปี ของขวัญปีใหม่ เดินหน้าแจกดิจิทัล ถกบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 19 พ.ย.นี้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเสนอแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ของขวัญปีใหม่ช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงตลอดทั้งปี 2568 เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ 

“จะมีการกำหนดเป็นกรอบไทม์ไลน์ไว้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  โดยอาจจะแบ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรายธุรกิจ รวมถึงการเสนอให้เดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ท ระยะถัดไป มาตรการแก้หนี้ภาคประชาชน ตลอดจนมาตรการของขวัญปีใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้”

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ ในการหารือคงไม่ใช่แค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของกระทรวงการคลังเพียงกระทรวงเดียว แต่เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงต่างๆด้วย เช่น กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น เพื่อให้สามารถมองเห็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้าว่าจะเดินไปทางไหน อย่างไร 

สำหรับเงินที่จะใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะใช้ที่มาแบบผสมผสาน ไม่ได้มาจากแหล่งเงินในงบประมาณเพียงแหล่งเดียว โดยส่วนหนึ่งมาจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 ที่กำหนดวงเงินไว้ 1.8 แสนล้านบาท และบางโครงการไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ รวมถึงบางส่วนเป็นโครงการของสถาบันการเงินของรัฐ ที่อยู่ในบัญชี กิจการของรัฐ  

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ คงไม่ได้ประชุมครั้งเดียวแล้วสามารถได้ข้อสรุปทั้งหมด แต่จะมีการประชุมต่อเนื่อง ซึ่งจะมีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ หากเรื่องไหนสำเร็จก็อาจจะเห็นชอบมาได้ก่อน 

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น โดยไตรมาส 4 จะขยายตัวดีกว่าเดิม แต่รัฐบาลจะไม่หยุดแค่นี้ เพราะยังมีอีกหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีปัญหา เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะ หรือภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีการชะลอตัว  แม้ว่ามาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาท สำหรับคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและบัตรคนพิการ 14.5 ล้านคน จะได้ออกไปแล้ว และมีการใช้จ่ายไปแล้วจำนวนมากก็ตาม

นอกจากนี้ ในการประชุมจะพิจารณามาตรการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงิน ด้วยการพักดอกเบี้ยและลดค่างวด โดยที่กระทรวงการคลัง จะยอมให้สถาบันการเงินลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเอฟไอดีเอฟ และอีกส่วนหนึ่งมาจากทรัพยากรของสถาบันการเงินเองมา 

ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องการให้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว สามารถกู้ยืมเงินใหม่ได้ เพราะในมุมมองของรัฐบาลนั้น ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าการเข้าถึงสินเชื่อแล้วจะก่อให้เกิดหนี้สิน และกลายเป็นหนี้เสียตามมา แต่เรามองว่า การเข้าถึงสินเชื่อนั้นช่วยสร้างโอกาสให้กับคน เพื่อให้เขากลับมายืนได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงควรให้คนกลุ่มนี้ยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ต่อไปในระหว่างเข้าโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้