นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงประเด็นผลกระทบต่อการลงทุนกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นว่าที่ประธานธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า ในภาพรวมแม้ว่านโยบายทรัมป์ จะต้องการให้เกิดการลงทุนในประเทศภายใต้ America First และ Make America Great Again
แต่สหรัฐฯเองยังต้องพึ่งพา Supply chain จากอาเซียนและประเทศพันธมิตรอื่นๆ ในเรื่องวัตถุดิบ ส่วนประกอบและชิ้นส่วนต่างๆ
ขณะที่นักลงทุนจีนก็ยังมีความจำเป็นต้องหาแหล่งผลิตนอกประเทศ รวมทั้งหาผู้ร่วมทุน ลดสัดส่วนความเป็นจีนให้น้อยลง เพื่อลดแรงกดดันและลดความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันการค้า
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้จึงเป็นโอกาสของไทย ในการดึงการลงทุนจากทั้งสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แบตเตอรี่ในระดับเซลล์ ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์มาตรฐานสูง
รวมทั้งกิจการที่สนับสนุนความเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarters) ศูนย์จัดหาชิ้นส่วนและวัตถุดิบระหว่างประเทศ (IPO) และศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ ความเสถียรของไฟฟ้า ศักยภาพด้านพลังงานสะอาด บุคลากรที่มีคุณภาพ ซัพพลายเชนที่ครบวงจร รวมทั้งความเป็นกลางของประเทศไทย จึงทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่สำคัญของนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปยังต้องติดตามมาตรการของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ว่ามาตรการกีดกันในรอบใหม่จะลงลึกแค่ไหน ดูแค่แหล่งผลิตสินค้า หรือจะพิจารณาถึงสัดส่วนการใช้วัตถุดิบ หรือดูไปถึงสัญชาติของบริษัท ซึ่งก็จะเป็นโอกาสของไทยในการผลักดันให้เกิดการร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนและวัตถุดิบจากผู้ผลิตในประเทศด้วย
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามมาตรการเป็นรายอุตสาหกรรมด้วย เพราะแต่ละอุตสาหกรรมมีความเข้มข้นของมาตรการไม่เหมือนกัน สำคัญที่ไทยต้องพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์ให้ได้เร็ว เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย