วันนี้ (19 พ.ย. 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 17,500 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์ในการขอรับการจัดสรรเงินชดเชยของรัฐวิสาหกิจตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความจำเป็นของการกู้เงินในครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมา รฟท. ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก รฟท. ต้องจัดสรรรายได้จากการดำเนินงานเพื่อนำไปจ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายเงินกู้
รวมถึงใช้รายได้ส่วนที่เหลือสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง ทั้งในส่วนการโดยสารและขนส่งสินค้า เช่น การเปลี่ยนหมอนรองราง ระบบอาณัติสัญญาณ เครื่องกั้นทั่วประเทศ การบำรุงรักษารถจักรและล้อเลื่อน ค่าใช้จ่ายในการเดินรถ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญ
ด้วยเหตุนี้ รฟท. จึงมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ส่งผลให้มีเงินสดจ่ายมากกว่าเงินสดรับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17,500 ล้านบาท โดย รฟท. เริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อ ครม. เพื่อขออนุมัติการกู้เงินในครั้งนี้ เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และเพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานต่อไป
ทั้งนี้ รฟท. จะเป็นผู้รับภาระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยกระทรวงการคลังจะทำหน้าที่ค้ำประกันการกู้เงิน รวมถึงพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ ในส่วนของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ รฟท. จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป