วิธีทำต้มยำกุ้ง ล่าสุดวันนี้ 4 ธันวาคม 2567 เมื่อเวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” ในรายชื่อมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
เพจไทยคู่ฟ้า ได้โพสต์ข้อความว่า ตัมยำกุ้ง น้ำข้น น้ำใสแบบไหนอร่อย ถูกใจกว่ากัน?
ต้มยำกุ้งที่เราเห็นในปัจจุบัน มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
ต้มยำกุ้งน้ำข้น
ต้มยำกุ้งน้ำใส
ทั้งนี้ สูตรของต้มยำสมัยก่อน จะอาศัยความมันจากมันกุ้ง ซึ่งเป็นกุ้งแม่น้ำที่สามารถจับได้ง่ายตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
สารพัดเครื่องปรุง และ ส่วนประกอบ
กุ้งแม่น้ำ
สมุนไพร
เครื่องปรุง
ตัมยำกุ้ง ภาพสะท้อนอันหลากหลาย ของวัฒนธรรมไทย
ต้มยำกุ้งหนึ่งชาม
ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยทั้ง กุ้งแม่น้ำ ที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ เครื่องสมุนไพร ตะไครั ใบมะกรูด ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาในการรับประทานอาหารเป็นยา
ไปจนกระทั่งการปรุงรสที่ปรับเปลี่ยนจากอดีต และ กลายมาเป็นต้มยำกุ้งที่เราคุ้นชินกันในปัจจุบันทั้งต้มยำกุ้งน้ำใส น้ำข้น ที่ปรับสูตรใหม่ให้อร่อยลิ้นยิ่งขึ้น
ด้วยรสชาติที่ถูกปาก ผู้คนทั่วโลก ต้มยำกุ้ง จึงเปรียบเสมือนภาพ ตัวแทนวัฒนธรรมอาหารไทย ที่ชาวต่างชาติรู้จัก
คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงเสนอ ต้มยำกุ้ง เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ ขอขึ้นทะเบียนเป็นรายตัวแทนมรดก วัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก เมื่อ พ.ศ. 2564
โดยจะเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรตกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 วันที่ 2- 3ธันวาคม พ.ศ. 2567 ที่สาธารณรัฐปารากวัย.
ตัวแทนรสชาติที่แพร่หลาย แรงบันดาลใจของอาหารฟิวชั่นที่นิยมไปทั่วโลก
ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของต้มยำกุ้ง ที่โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย และ กลิ่นหอมของสมุนไพร เครื่องต้มยำ โดยเฉพาะตะไคร้ ใบมะกรูด ที่เป็นที่จดจำ ทำให้ต้มยำกุ้ง ถูกนำไปประยุกต์กับอาหาหารชนิดต่าง ๆ ทั้งอาหารไทยง่าย ๆ เช่น ข้าวผัดต้มยำกุ้ง รวมถึงการผสมผสานรสชาติต้มยำกุ้งกับ อาหารนานาชาติ ทั้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสต้มยำกุ้ง ที่แพร่หลายไปทุกบ้าน หรือ แม้กระทั่ง พาสต้าผัดต้มยำกุ้ง อุด้งต้มยำ ชาบูน้ำต้มยำ
นอกจากอาหารคาวแล้ว ต้มยำกุ้ง ก็ยัง ถูกนำมาประยุกต์ทำเป็น เครื่องดื่ม โดยน้ำเครื่องต้มย่ำมาผสมผสานกับความซ่าของโซดาเป็นได้ทั้งค็อกเทลที่ผสมแอลกอฮอล์ และ ม็อกเทล ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ กลายเป็น เครื่องดื่มที่ส่งต่อเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างลงตัว.