นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรได้รับมอบสุนัขตรวจค้น k-9 จากสำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย (Australian Border Force:ABF) จำนวน 2 ตัว พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ชื่อ Viking และ Paddy เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจด้านการตรวจค้นและปราบปรามยาเสพติด
ทั้งนี้ การรับมอบสุนัขตรวจค้นดังกล่าว เป็นไปตามการลงนามความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติดของทั้งสองฝ่ายเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา โดยABF ตกลงที่จะส่งมอบสุนัขตรวจค้นให้แก่กรมศุลกากร จำนวน 6 ตัว ซึ่งครั้งนี้ ถือเป็น 2 ตัวแรกที่ได้ส่งมอบ
สำหรับสุนัขตรวจค้น K-9 นั้น กรมศุลกากรได้มีการจัดตั้งเป็นหน่วยงานใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำสุนัขเข้าร่วมสนับสนุนภารกิจการปฏิบัติงานด้านการสืบสวนและปราบปราม เกี่ยวกับการตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติดและสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด เพื่อส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด รวมถึงสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายธีรัชย์ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ศูนย์ฝึก K-9 ศุลกากร มีสุนัขตรวจค้นยาเสพติดที่รับการฝึกรวมทั้งสิ้น 4 ตัว โดยออกปฏิบัติงานในพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง คลังสินค้าทางอากาศยาน คลังสินค้าพัสดุเร่งด่วน ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่ และศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับการติดต่อขอรับการสนับสนุนสุนัขตรวจค้นเพื่อทำการค้นหายาเสพติด
“กรมฯมีสุนัขตรวจค้นแล้วจำนวน 4 ตัว เมื่อรวมการส่งมอบจาก ABF อีก 2 ตัวจะทำให้กรมศุลกากรมีสุนัขตรวจค้นรวมทั้งหมด 6 ตัว ทั้ง 6 ตัวนี้ มีความสามารถหลักในการตรวจค้นยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมา ก็สามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดี โดยได้มีการตรวจค้นจับยาเสพติดที่มีการส่งออกและนำเข้าได้จำนวนมาก จึงมั่นใจว่า สุนัขที่ได้รับการส่งมอบนี้ จะมีบทบาทสำคัญต่อการปราบปรามยาเสพติดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
สำหรับ 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ทั้งสิ้น 40 คดี มูลค่ารวมกว่า 77 ล้านบาท และสามารถยึดกัญชาได้ 199 คดี ปริมาณรวม 1,327 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 13.27 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เป็นช่วงเวลาที่มีการเดินทางและขนส่งสินค้าจำนวนมาก ทำให้กลุ่มอาชญากรรมฉวยโอกาสลักลอบขนส่งยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายอื่น กรมศุลกากรจึงอยากย้ำเตือนประชาชน อย่ารับฝากของ รับหิ้วของ จากผู้อื่น รวมถึง อย่าหลงเชื่อคำชักชวนที่ไม่สมเหตุสมผล โดยใช้ข้ออ้างในการชักชวนไปเที่ยวต่างประเทศโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประชาชนอาจถูกหลอดตกเป็นเหยื่อในการลักลอบขนยาเสพคิดและสิ่งผิดกฎหมายอื่น