KEY
POINTS
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่13 มกราคม 2568 เห็นชอบหลักการร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ หลังเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน และปรับปรุงแก้ไขร่างพ.ร.บ.ตามความคิดเห็นจากการรับฟังความเห็นจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว
โดยรัฐบาลหวังให้โครงการนี้ เป็นเรือธงกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศ ท่ามกลางการท้วงติงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง สำนักงานกฤษฎีกา ขณะท่าทีของภาคเอกชน ทั้งไทยและต่างชาติ ต้องการความชัดเจน อย่าง ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย และพันธมิตรต่างชาติ
ทั้งอเมริกา และเกาหลีหนึ่งในผู้สนใจลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร ยังมีความกังวลว่าในที่สุดแล้วจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ทั้งที่พื้นที่เป้าหมายที่สนใจคือท่าเรือคลองเตยที่มีแผนลงทุนเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก2-3แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แผนพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ (ท่าเรือคลองเตย) กระทรวงคมนาคม ได้มุ่งเน้นการพัฒนาท่าเรือเป็นสมาร์ทพอร์ต ที่ช่วยยกระดับการขนส่งสินค้าทางน้ำและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศ ภายใต้การดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) หนึ่งในเป้าหมายที่คาบเกี่ยวกับสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เนื่องจากที่ตั้งของท่าเรือคลองเตย ถือเป็นแหล่งธุรกิจใจกลางกรุงที่บรรดานักธุรกิจและเอกชนให้ความสนใจไม่น้อย
‘คลองเตย’ เรือธงรัฐบาล สถานบันเทิงครบวงจร
เป็นที่น่าจับตาว่าการที่ครม.เห็นชอบกฎหมายเรื่องนี้จะเป็นส่วนที่กระตุ้นให้แผนพัฒนาท่าเรือคลองเตยกลายเป็นโครงการเรือธงเร่งด่วนที่ต้องศึกษาให้แล้วเสร็จโดยเร็วหรือไม่
โดยเฉพาะแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตย ซึ่งในแผนได้รวมถึงการพัฒนาท่าเรือสำราญ ถือเป็นเรือท่องเที่ยวที่ในอนาคตมีโอกาสผลักดันสู่สถานบันครบวงจรและกาสิโนได้เหมือนในต่างประเทศที่ยอมรับและเปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมกิจกรรมต่างๆครบจบภายในที่เดียวกัน
สำหรับการพัฒนาท่าเรือคลองเตยมีแนวโน้มสอดรับกับสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือไม่นั้น
นาง”มนพร เจริญศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถือเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ของรัฐบาลตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะใช้พื้นที่ก่อสร้างหลายแห่ง ซึ่งท่าเรือคลองเตยถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเช่นกัน
ทั้งนี้ต้องรอฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย ที่ผ่านมา กทท.มีแผนศึกษาพัฒนาท่าเรือคลองเตยจำนวน 2,353 ไร่ ที่มีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท
แต่ขณะนี้กลับพบว่าผลการศึกษาในปี 2562 ไม่มีการอัปเดตให้เป็นปัจจุบัน ส่งผลให้มีความจำเป็นต้องมาทบทวนแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ให้มีความคุ้มค่าอีกครั้ง ในรูปแบบการประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี
ขณะเจ้ากระทรวงคมนาคม อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้นางมนพร ดำเนินการในเรื่องนี้ ระบุว่า กระทรวงคมนาคมไม่มีนโยบายการย้ายท่าเรือคลองเตย เพียงแต่เป็นการปรับปรุงและพัฒนาท่าเรือคลองเตยบนพื้นที่กว่า 2,353 ไร่ ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่หน้าท่าให้เกิดประโยชน์
โดยนำร่องพื้นที่ จำนวน 500 ไร่ ในการพัฒนาเป็นท่าเรือสำราญ (Cruise Terminal) เข้าสู่กรุงเทพชั้นใน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ท่าเรือสมาร์ทพอร์ต พิพิธภัณฑ์ สนามกีฬา ฯลฯ
ดูโมเดลสิงคโปร์-ศรีลังกา
จากการพัฒนาท่าเรือคลองเตยในลักษณะนี้เห็นถึงความสำเร็จจากในหลายประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ ประเทศศรีลังกา คาดว่าจะแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตยเป็นรูปธรรมมากขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยยึดผลการศึกษากทท.เป็นหลัก เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ที่อยู่อาศัยบริเวณท่าเรือคลองเตย
ส่วนกรณีที่มีประเด็นถึงกลุ่มธุรกิจเครือเซ็นทรัลเคยจัดทำผลศึกษาพัฒนาท่าเรือคลองเตยจะมีการหารือให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมร่วมกับกระทรวงคมนาคมหรือไม่นั้น มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของภาคเอกชน ซึ่งจะต้องรอให้กทท.ดำเนินการศึกษาแผนแม่บทดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อน หลังจากนั้นถึงจะหารือร่วมกันได้ในขั้นตอนต่อไป
ล่าสุดที่ประชุมคณะอนุกรรมการได้พิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) และจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ โดยมีมติอนุมัติศึกษาพื้นที่นำร่องที่สามารถพัฒนาหน้าท่าเรือ จำนวน 800 ไร่ เป็นต้น
ระยะที่ 1กลุ่มพื้นที่ C1 พื้นที่ 500ไร่ และ C2 พื้นที่ 217 ไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวปัจจุบันเป็นพื้นที่ของกทท. ส่วนใหญ่เป็นลานและอาคารเก่า เช่น ตู้สินค้าที่ตกค้างจากศุลกากร เป็นต้น
ทั้งนี้ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้กทท. ศึกษา Business Model การพัฒนาพื้นที่หน้าท่าเรือดังกล่าว ภายในระยะเวลา 6 เดือน เบื้องต้นคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.ได้อนุมัติจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาฯ วงเงิน 20 ล้านบาท คาดว่าจะได้บริษัทที่ปรึกษาและเริ่มงานได้ภายในเดือนมกราคมนี้
ขณะเดียวกันพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นพื้นที่ตอบโจทย์และมีศักยภาพที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นได้ทั้ง ท่าเรือท่องเที่ยว Cruise Terminal โครงการ Mixed-Use Building Complex ศูนย์การค้า หรือ ช้อปปิ้งมอลล์ รวมถึงโรงแรม ฯลฯ ซึ่งหลักการพัฒนากิจกรรมควรมีความเชื่อมโยงและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
UTA-เมืองทอง พร้อมเปิดลงทุน
ด้านนายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพจำกัด (มหาชน) เผยว่าการผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) รวมกาสิโนถูกกฎหมาย เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ของรัฐบาล คงต้องดูว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ไหน จะมีในพื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซีหรือไม่ ถ้ามีก็มองว่ามีโอกาสที่ดึงให้เอกชนที่สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ในส่วนของเมืองการบินอู่ตะเภาได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ของ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA นอกจากการพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับผู้โดยสารแล้ว
ในส่วนของเมืองการบิน เราก็มองว่าจะเป็นการลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งตอนที่วางไว้ไม่มีเรื่องของกาสิโน เพราะภาพแรก คือเราคิดว่าต้องสร้างแม็กเน็ตดึงคนมาใช้สนามบิน นอกเหนือจากผู้โดยสารเดินทางมาใช้บริการในสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินอยู่แล้ว
ดังนั้นตามแผน เราจะทำที่นี่ให้เป็นเมืองที่น่าสนใจ น่าท่องเที่ยว เป็นเมืองที่คนมาใช้มากิน มาช้อป มาดูก็จะมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างๆที่เรามองว่าเป็นไปได้และเป็นสิ่งที่น่าสนใจ จะเป็นพวกร้านอาหารดีๆในบริเวณนี้
การจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าในดิวตี้ฟรี มีการสร้างสเตเดี้ยมหรืออารีน่า เป็นจุดการแสดงที่ดึงเอาการแสดงระดับโลกเข้ามา มีสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวัน แต่ถ้ารัฐบาลมีแผนจะผลักดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนด้วย ก็มีในพื้นที่อีอีซี เราก็สามารถปรับแผนได้ เพื่อดึงเอกชนมาลงทุน
สอดคล้องกับนายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) และประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัดกล่าวว่า กาสิโนช่วยประเทศได้ ช่วยท่องเที่ยวได้ แต่รัฐบาลเคลียร์ให้ชัดว่าจะไปในแนวไหน
ซึ่งถ้าจะให้ดีก็มองว่ารัฐควรเป็นเจ้าของ หรือจะดึงใครเข้ามา เราก็ควรจะมุ่งไปให้ถึงระดับในการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้าไทยมากขึ้น อย่างเรามองสิงคโปร์ พอเขาจะทำกาสิโน เขาก็ไปศึกษา ออกแบบกฏกติกาชัดเจน เคลียร์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างภาษี กาสิโนก็ต้องเสีย ออกกฏกติกาดึงกาสิโนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน เพื่อทำให้เป็นพรีเมี่ยม
ไทยอยากได้แบบไหนก็ต้องวางกติกาให้ชัดเจน เราไม่ได้บอกว่าอเมริกาดีหรือที่อื่นไม่ดี แต่ใครจะเข้ามาทำกาสิโนในประเทศไทย ก็ต้องมองว่าทำแล้วยกระดับให้ไทยมีนักท่องเที่ยวคุณภาพเพิ่มขึ้น
สิ่งที่สิงคโปร์ทำคือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่เป็นการผสมผสานด้านวัฒนธรรม จัดมิวสิค เฟสติวัล มีคอนเวนชั่นขนาดใหญ่ ที่จัดในมารีนาเบย์มากขึ้นกาสิโน เป็นแค่การดึงดูดเท่านั้น ที่แชร์ริ่งให้มาทำกิจกรรมต่างๆในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอนเพล็กซ์
สำหรับบริษัทฯก็มีความสนใจในการลงทุนโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงครบวงจร โดยมองว่าพื้นที่ในเมืองทองธานี เหมาะที่จะลงทุนทำโครงการประเภทดังกล่าว
และในปี 2568 จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพู ที่เชื่อมสายหลักเข้าสู่เมืองทองธานีได้ แต่ยังต้องรอดูนโยบายที่ชัดเจนจากภาครัฐอีกครั้ง
สำหรับการเดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งปัจจุบันเรามีที่ดินที่ยังไม่พัฒนารวมประมาณ 1,000 ไร่ ในนี้มีประมาณ 200-300 ไร่ ติดทะเลสาบ ซึ่งเป็นพื้นที่ฟรีโฮลด์ทั้งหมด