บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี เดินหน้าปั้นแบรนด์ “วี อาร์ เฟร็ช” ไม่ใช่แค่อาหารสดคุณภาพดีที่ควบคุมการผลิตตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโต๊ะอาหารของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังพร้อมเป็นช่องทางขาย ที่ไม่เพียงจะเข้าไปร่วมพัฒนาคุณภาพผลผลิต และรับซื้อด้วยราคาที่เป็นธรรมเท่านั้น แต่ยังพร้อมเข้ามาช่วยยกระดับมาตรฐานของผลผลิตให้เป็นสากลที่จะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรในระยะยาว
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เปิดเผยว่า “เป้าประสงค์ของการออกสินค้ากลุ่มอาหารสด ภายใต้แบรนด์ We Are Fresh (วี อาร์ เฟร็ช) ของบริษัท อยู่ที่การนำเสนอสินค้าคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
โดยมุ่งเน้นที่ความสด อร่อย และปลอดภัยจากสารพิษตกค้างด้วยขั้นตอนการเพาะปลูกตามวิถีธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถตรวจสอบแหล่งเพาะปลูกได้ โดยจะคุมคุณภาพตั้งแต่ฟาร์มหรือแหล่งเพาะปลูกไปจนถึงโต๊ะอาหารของลูกค้า สามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพของความสดใหม่ของสินค้าได้”
ไม่เพียงแค่การนำเสนอคุณภาพของสินค้าที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ วี อาร์ เฟร็ช เท่านั้น บริษัท ยังให้ความสำคัญกับการเข้าไปสนับสนุนเกษตรกร เพราะเชื่อมั่นว่า คุณภาพที่ดีของผลผลิตคือสิ่งสำคัญที่จะเข้ามาช่วยยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เกษตรกรของบ้านเราสามารถก้าวสู่ระดับสากลได้ ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานของเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเข้ามาเป็นอีก 1 ฟันเฟืองที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
“เราเข้าไปรับซื้อตรงจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานในเรื่องของราคาผลผลิตที่รับซื้อ ขณะเดียวกันก็ยังช่วยทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพ มีความสด และได้มาตรฐานระดับสากลในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดยแบรนด์ วี อาร์ เฟร็ช จะเข้ามาเป็น 1 ในกลยุทธ์สำคัญที่ไม่เพียงจะช่วยสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีกในเครืออย่างบิ๊กซีเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนตลอดซัพพลายเชน โดยเฉพาะกับตัวเกษตรกรในแต่ละท้องถิ่น ที่จะมีรายได้และได้มีช่องทางการจาหน่ายสินค้า ซึ่งจะช่วยสร้างให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว”
นายอัศวิน ยังกล่าวอีกว่า การพัฒนาแบรนด์ วี อาร์ เฟร็ช ขึ้นมานั้น ส่วนหนึ่งจะอยู่ภายใต้โครงการ Big C Big Smart Local ซึ่งเป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ด้วยการเข้าไปรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรแต่ละพื้นที่โดยตรงโดยไม่ผ่านคนกลาง ทำให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถขายผลผลิตได้ในราคายุติธรรม ไม่เพียงเท่านั้น โครงการนี้ ยังเข้าไปช่วยพัฒนาเกษตรกรด้วยการให้คำแนะนำในการทำเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตตามความต้องการของตลาด ทำให้สามารถขายผลผลิตได้ในราคาค่อนข้างดี จึงเป็นโครงการที่มีส่วนในการเข้าไปช่วยสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย
ด้าน นายนิกร แซ่เห่อ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรบนพื้นที่สูงปางอุ๋ง เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า “โครงการ Big C Big Smart Local ได้สร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรในจังหวัดภาคเหนือตอนบนอย่างมากมาย ทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มกำลังการผลิต และเกิดการจ้างงานเท่านั้น แต่ยังเข้าไปมีส่วนช่วยให้คนในพื้นที่ ได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ พัฒนาคุณภาพชีวิตแบบองค์รวมอย่างยั่งยืน ลดอัตราการเกิดความเสี่ยงการใช้สารเสพติดในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ส่งผลดีต่อภาพรวมของการนำเสนอสินค้าภายใต้แบรนด์ วี อาร์ เฟร็ช ซึ่งถือเป็น 1 ในกลยุทธ์สำคัญของบีเจซี เพราะจะเป็นการเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาสินค้าอาหารสดที่มีความสด สะอาด และมีมาตรฐานระดับสากล ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดย วี อาร์ เฟร็ช จะเข้ามาเป็นตัวช่วยเติมเต็มยุทธศาสตร์การนำเสนอสินค้าในกลุ่มอาหารสดของบิ๊กซี ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความแตกต่าง และผลักดันให้บิ๊กซีก้าวสู่การเป็นร้านค้าปลีกสัญชาติไทยที่ลูกค้าจะนึกถึงเป็นแบรนด์แรกๆ เมื่อต้องการมองหาอาหารสดคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
รวมถึงยังช่วยสร้างรายได้ และการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย โดย วี อาร์ เฟร็ช จะเป็นตัวที่เข้ามาเติมเต็ม การทำตลาดสินค้าประเภทอาหารสดที่ถือเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความถี่ในการมาซื้อที่สาขามากขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
“เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบยั่งยืนตลอดซัพพลายเชน รวมถึงให้ความสำคัญกับการควบคุณภาพตั้งแต่แหล่งผลิตไปจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อส่งมอบสินค้าคุณภาพถึงมือผู้บริโภค ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยยืนอยู่บนพื้นฐานของการยึดลูกค้าเป็นหัวใจของทำตลาดของบิ๊กซี ซึ่งลูกค้าบิ๊กซีเองสามารถมั่นใจถึงคุณภาพของวี อาร์ เฟร็ช ที่เป็นสินค้าคุณภาพที่เราคัดสรรด้วยความตั้งใจของทีมงานมืออาชีพ” นายอัศวิน กล่าว
ขณะที่ นายชินภูมิ โชติกิจอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อสินค้าผักผลไม้และผลิตภัณฑ์ธุรกิจชุมชน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “บิ๊กซี มีทีมเจ้าหน้าที่ คอยให้คำปรึกษา พร้อมทั้งลงแปลงผลิตของเกษตรกรในโครงการที่อยู่ตามพื้นที่สูงหรือบนดอยต่างๆ เช่น พื้นที่ปางอุ๋ง-ปางหินฝน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกผักกาดขาว กะหล่ำปลี และ มะเขือเทศสายพันธ์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้และควบคุมผลผลิต ให้ได้คุณภาพที่ต้องการตามมาตรฐานของตลาด ให้ความสำคัญกับการลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคต้องมาเป็นอันดับ 1 รวมถึงการสนับสนุนตระกร้าขนส่งจากแปลงการผลิตมาที่โรงคัดบรรจุศูนย์สินค้าเกษตรภาคเหนืออีกด้วย”
วี อาร์ เฟร็ช จะมีสินค้าครอบคลุมกว่า 2,000 รายการ อาทิ สินค้ากลุ่มผัก ซึ่งมีให้เลือกสรรถึง 3 ชนิด ได้แก่ ผักเกษตรอินทรีย์ (Organic), ผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponic) และผักปลอดสารพิษ (Hygienic) สินค้ากลุ่มผลไม้ ทั้งผลไม้ไทย และผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ กลุ่มเนื้อสัตว์และกลุ่มไข่ไก่ คัดสรรพันธุ์ดีจากฟาร์มคุณภาพ ได้มาตรฐานฟาร์มกรมปศุสัตว์ ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน เลี้ยงอย่างพิถีพิถัน ปราศจากสารเร่งเนื้อแดง ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตและปลอดภัยจากยาปฏิชีวนะ เช่น ปลา หมู ไก่ ไข่ และกลุ่มอาหารทะเล ทั้งปลาน้ำจืด-น้ำเค็ม กุ้งขาว และอาหารทะเลแห้ง เป็นต้น ส่งตรงจากฟาร์มเพาะเลี้ยง การันตีความสด สะอาด ปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าในกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) และอาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook) เสิร์ฟความอร่อยถึงมือลูกค้าด้วยเมนูอาหารพร้อมรับประทานที่รังสรรค์ด้วยเชฟประจำสาขาทำให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสด อร่อย และมีมาตรฐาน เป็นสูตรเฉพาะตัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว พร้อมรับประทาน และ กลุ่มขนมปังที่ทำโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญการทำเบเกอรีโดยตรง อบสดใหม่ หอมกรุ่นทุกวัน
“วี อาร์ เฟร็ช เป็นอีกแบรนด์ในเครือของบริษัทที่มุ่งมั่นจะส่งมอบคุณค่าในเรื่องของคุณภาพ ความสดใหม่ที่เราคัดสรรมาให้ลูกค้า ขณะเดียวกัน เราก็ยังมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจนในการเข้าไปช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้กับเกษตรกรที่ถือเป็นพันธมิตรสำคัญ โดยทำหน้าที่เป็นช่องทางที่พร้อมจะส่งต่อสินค้าคุณภาพจากมือของพวกเขาไปยังลูกค้าของบิ๊กซีทั่วประเทศ”