ความแข็งแรงของ “กลุ่มเซ็นทรัล” ในเมืองไทย คงไม่มีใครปฏิเสธ การเติบโตต่อเนื่องมากว่า 60 ปี ทำให้กลุ่มเซ็นทรัล เริ่มมองหาความท้าทายใหม่ นั่นคือ การสยายปีกรุกธุรกิจในต่างประเทศ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าซื้อกิจการห้างหรู “รีนาเชนเต” (Rinascente) ในอิตาลี ในปี 2554 ตามด้วย อิลลุม ในเดนมาร์กในปี 2556 ซึ่งแม้ช่วงต้นจะต้องเผชิญปัญหารอบด้านแต่กลุ่มเซ็นทรัลก็ฝ่าด่านมาได้
ล่าสุดการเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท เป็นบทพิสูจน์ฝีมือของ “กลุ่มเซ็นทรัล” กับการก้าวสู่ “ห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในโลก” โดยมีห้างครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา และห้างแฟลกชิปหรู 16 แห่ง ในหัวเมืองหลักของยุโรปและเอเชีย มียอดขายกว่า 6.7 พันล้านยูโร หรือกว่า 2.6 แสนล้านบาท
“ทศ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวถึงความสำเร็จว่า หลังการรวมกลุ่มเซลฟริดเจสเข้าสู่คอลเลคชั่นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ของกลุ่มเซ็นทรัล ทำให้กลุ่มเซ็นทรัล กลายเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลกอย่างแท้จริง และวันนี้ ธุรกิจห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัล มีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก
“การเข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ในอิตาลี ถือเป็นสิ่งที่ดี สอดคล้องกับจังหวะที่แบรนด์ลักชัวรี่ของยุโรปกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยกระแสของการท่องเที่ยวทั่วโลก ถึงแม้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนในระยะที่ผ่านมา ตลาดลักชัวรี่ได้แสดงศักยภาพสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากความต้องการผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้สร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับแบรนด์ลักชัวรี่ยักษ์ใหญ่หลากหลายแบรนด์ ซึ่งได้มีการร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัทตลอดมาเพื่อพัฒนาห้างของเราให้เป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งที่โดดเด่น ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน ปัจจุบันห้างในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลต้อนรับลูกค้ากว่า 130 ล้านคนต่อปี กว่า 200 เชื้อชาติ และมีสมาชิกกว่า 6 ล้านคน
กลยุทธ์ที่ทำให้กลุ่มเซ็นทรัล ประสบความสำเร็จในยุโรปและจะยังคงเดินหน้าต่อ คือ 1. พัฒนาและขยายห้างสรรพสินค้าที่มีเอกลักษณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วยการร่วมมือกับลักชัวรี่แบรนด์การพัฒนาแปลงโฉมห้างสรรพสินค้า โดยแต่ละห้างได้ถูกออกแบบให้แสดงถึงเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง เพื่อให้คนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม
กลุ่มเซ็นทรัลยังประกาศเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในภูมิภาคยุโรปใน 5 ปีข้างหน้า ด้วยการทุ่มงบกว่า 1.36 หมื่นล้านบาท ในการดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าหลายแห่งทั้งคาเดเว, โกลบุส และรีนาเชนเต รวมถึงใช้เงินอีกว่า 3.27 หมื่นล้านบาทการสร้างโครงการใหม่ อีก 3 แห่งทั้งในเยอรมนี, ออสเตรีย และสวิสเซอร์แลนด์
อีกกลยุทธ์คือการ เดินหน้าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งวันนี้กลุ่มเซ็นทรัลมีฐานลูกค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในยุโรปกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน มีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และสร้างยอดขายกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท หรือราว 1 พันล้านยูโรต่อปี คิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งหลังการเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส ทำให้ได้ Selfridges.com แพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรี่ระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุดมาเสริมทัพ
“Selfridges.com แพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรี่ระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และฐานข้อมูลลูกค้า ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ และมอบบริการให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล รวมทั้งการมีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าใน 11 ประเทศ จะทำให้การประชาสัมพันธ์และเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
รวมถึงให้บริการแบบออมนิแชแนล ที่แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่งอีคอมเมิร์ซทั่วไป โดยเฉพาะในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานการดำเนินธุรกิจหลักของกลุ่มเซ็นทรัล ลูกค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศไทยจะสามารถเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ลักชัวรี่และคอลเล็คชั่นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางนี้”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,818 วันที่ 15 - 17 กันยายน พ.ศ. 2565