นายเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า cmg เตรียมทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีกและขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยตั้งเป้าที่จะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 20% พร้อมเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่แพลตฟอร์มออมนิแชนอลเต็มรูปแบบ
โดยกลยุทธ์ในปีนี้ ได้แก่ 1. การสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือผ่านนวัตกรรมล้ำสมัย โดยนำเสนอนวัตกรรมที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับแบรนด์ต่างๆ ในพอร์ต อาทิ Casio G-Shock, Dyson, Fitflop, Clarins, Guess, Polo Ralph Lauren, Garmin และ MLB ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย พร้อมทั้งสอดแทรกเรื่องความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไปในแบรนด์ต่างๆ ในเครือ cmg
เช่น การใช้พลาสติก รีไซเคิลผลิตเนื้อผ้าของแบรนด์ Lee และ Wrangler, การใช้เส้นใยไผ่ในการผลิตสินค้า G2000 และ Jockey, การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลของสินค้า Body Shop เป็นต้น นอกจากนี้ cmg ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า ผ่านการนำเสนอสินค้าที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค อย่างเครื่องฟอกอากาศ Dyson ที่ช่วยทำให้คุณภาพอากาศในบ้านดียิ่งขึ้น หรือสมาร์ทวอทช์ Garmin ที่สามารถ track ข้อมูลด้านสุขภาพ ตอบโจทย์ลูกค้าสายเฮลท์ตี้ทุกคน
2. การยกระดับแพลตฟอร์ม Omnichannel เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้าแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ cmg จึงได้เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล เพื่อเชื่อมทุก touch point ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีขึ้น ผ่านการเปิดตัว Official Website ของแบรนด์ Lee และ Wrangler เมื่อปีที่ผ่านมา
ทำให้จำนวน Official Website ของแบรนด์ใน cmg เพิ่มขึ้นเป็น 8 เว็บไซต์ นอกจากนี้ในปี 2565 cmg ยังได้เปิดหน้าร้านใหม่อีก 45 สาขา และเคาน์เตอร์อีก 138 จุดขายในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศไทย พร้อมวางแผนที่จะขยายร้านค้าอีกมากกว่า 150 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 1,800 สาขาอีกด้วย
3. การเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง cmg ได้ดึงแบรนด์ชั้นนำยอดนิยมระดับโลกเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น นำโดยแบรนด์ Armani Exchange และ Emporio Armani แบรนด์แฟชั่นระดับพรีเมียมของอิตาลี และ Hermès Beauty and Perfume แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส ล่าสุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา cmg ยังได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Skechers แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำสัญชาติอเมริกา โดยวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา และศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลพัฒนา
4. การเพิ่มช่องทางในการชำระเงินที่หลากหลาย โดย cmg ได้เปิดตัวบริการ “ATOME ช้อปก่อน จ่ายที่หลัง” ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจแรกในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่ริเริ่มบริการนี้ โดยปัจจุบันสามารถใช้จ่าย ATOME ได้แล้วถึง 22 แบรนด์ ณ ร้านค้ากว่า 300 สาขา
นอกจากนี้ cmg ยังได้เปิดตัวบริการที่ร่วมกับ Dolfin แอปพลิเคชั่น e-wallet ยอดนิยมของคนไทย ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าในทุกช่องทางได้อย่างง่ายดายด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิตอีกต่อไป ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ไปสู่สังคมไร้เงินสดกันอย่างเต็มรูปแบบ
5. การพัฒนาพนักงาน เพราะคน คือ หัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต และสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ cmg จึงมุ่งลงทุนในด้านการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดศักยภาพของพนักงานให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคงไปกับองค์กร
“บริษัทมุ่งจัดหาแบรนด์สินค้าชั้นนำต่างๆ ที่ตอบรับกับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภค พร้อมยกระดับพอร์ตสินค้าทุกปีเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนไป โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ cmg ในด้านการบริหารแบรนด์สินค้าระดับโลก ทำให้เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้ามาได้อย่างยาวนาน จนทำให้ยอดขายในปี 65 เติบโตพุ่งสูงขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับปี 64"
ปัจจุบัน เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป หรือ cmg เป็นผู้นำด้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังระดับโลกกว่า 40 แบรนด์ ตั้งแต่แฟชั่น ยีนส์ ความงาม นาฬิกา รองเท้า เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านและไลฟ์สไตล์จากทั่วทุกมุมโลก อาทิ เช่น DYSON, CASIO, GARMIN, CLARINS, THREE, THE BODY SHOP, CALVIN KLEIN JEANS, POLO RALPH LAUREN, MLB, GUESS, LEE, WRANGLER, FITFLOP, SKECHERS, JOCKEY, HUSH PUPPIES