นายเทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด หรือ TSI ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ คราฟต์เบียร์, RTD ภายใต้แบรนด์ Geon-Bae, Full Moon, NADIN, HOSHI, NITE, VOLA, EDEN, Fusion, ขุนแผนพลายแก้ว, เจ้าสังข์ทอง, M๓๒ ฯลฯ เปิดเผยว่า หลังประสบความสำเร็จในการทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคราฟต์เบียร์ซึ่งมีทั้งสิ้น 52 รายการมียอดขายกว่า 4.7 หมื่นลัง หรือ 7.45 แสนลิตร
อย่างไรก็ดีจากการศึกษาพฤติกรรมของนักดื่มไทย โดยเฉพาะคราฟต์เบียร์พบว่า สถิติการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ย้อนหลังจากกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง และกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คนไทยบริโภคมากที่สุดได้แก่ สุรากลั่นรองลงมาคือ เบียร์ และไวน์ ตามลำดับ
ขณะเดียวกันจะเห็นว่า สถิติจำนวนนักดื่มหน้าใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้บริษัทมีแผนนำจัดกิจกรรมที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจทั้งการผลิต นำเข้า จัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
จากรายงานแนวโน้มธุรกิจและอุตสาหกรรมปี 2565-2567 โดย “วิจัยกรุงศรี” พบว่า อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม/ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย ซึ่งมีขนาดการผลิตคิดเป็น 21% ของปริมาณการผลิตเครื่องดื่มทั้งหมดในประเทศไทย หรือหากคิดเป็นมูลค่า จะมีมูลค่ารวมเกือบ 5 แสนล้านบาท คิดเป็น 64% ของมูลค่าตลาดเครื่องดื่มทั้งหมด
โดยตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในตลาดเบียร์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มีส่วนบ่งตลาดเบียร์มากที่สุดราว 57.9% รองลงมาได้แก่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ 34.3% บริษัท ไทย เอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด 4.7% ส่วนที่เหลือ 3.1% เป็นผู้ผลิตและนำเข้า ซึ่งมีบริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ที่มุ่งทำตลาดและตั้งเป้าที่จะครองส่วนแบ่งในกลุ่มนี้
ด้านตลาดเหล้าหรือสุรา บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ เป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งตลาด 59.5% รองลงมาได้แก่ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด 8% บริษัท รีเจนซี่ บรั่นดีไทย จำกัด 4.4% และอื่นๆ 28.1% โดยไทย สพิริท อินดัสทรี ตั้งเป้าหมายที่จะส่วนแบ่งตลาดในตลาดนี้ราว 10% อย่างไรก็ดีในปี 2566 จากการรุกทำตลาดต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมไม่น้อยกว่า 15%
“นอกเหนือจากการทำตลาดแบบครบวงจร ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะเราจะเน้นการผลิตเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันด้วย โดยมุ่งไปที่ 3 กลุ่ม ได้แก่ ชุมชน โรงเรียน และวัด โดยจะโฟกัสในพื้นที่ระยะ 5 กม. รอบๆ ของโรงงาน รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในโรงงานด้วย”
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองให้เป็น อุตสาหกรรมระดับที่ 3 ระบบสีเขียว (Green System) จากกระทรวงอุตสาหกรรม และในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะดำเนินการให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมสีเขียวทั้ง 5 ระดับอันได้แก่ ความมุ่งมั่นสีเขียว ปฏิบัติการสีเขียว ระบบสีเขียว วัฒนธรรมสีเขียว และเครือข่ายสีเขียว อย่างครบสมบูรณ์
สำหรับโครงการกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่ทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ได้แก่ โครงการน้ำดื่มสะอาดเพื่อสุขภาพ เนื่องจากภูมิศาสตร์ของบริเวณนั้นติดกับทะเล น้ำส่วนใหญ่จึงเป็นน้ำกร่อย โครงการนี้จึงจะเข้าไปช่วยสนับสนุนน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนต่างๆ และเข้าไปเช็กระบบเครื่องกรองน้ำ ทุกๆ 3 เดือน ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 7 โรงเรียน
โดยมีแผนเข้าไปสนับสนุนเพิ่มอีกในทุกๆ ปี โครงการทุนการศึกษาระยะยาว ครั้งที่ 2 เป็นโครงการที่จะเข้าไปให้ทุนการศึกษากับเด็กโดยจะให้การสนับสนุนทั้งเรื่องของค่าเทอม อุปกรณ์การเรียน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร โดยจะสนับสนุนให้เรียนจนจบปริญญาตรี ในรูปแบบของทุนให้เปล่า โดยที่ผู้ได้รับทุนไม่ต้องใช้ทุนคืน
นอกจากนี้ยังมีโครงการทุนการศึกษาระยะสั้น (โครงการ TSI ปันน้ำใจ ให้น้อง) มอบทุนการศึกษา 5,000 บาท ให้กับเด็กที่มีผลการเรียนดี แต่มีฐานะยากจน โดยในปีนี้ตั้งเป้าแจกเพิ่มอีก 10 คน นอกจากนี้ยังมีโครงการแปลงฝัน...ปันอิ่มเพื่อน้อง, โครงการอาหารกลางวันเพื่อน้อง, โครงการ และการสนับสนุนการจัดงานประเพณีและกิจกรรมต่างๆ กับชุมชน เป็นต้น
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,867 วันที่ 5 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2566