นางทิพรัตน์ พรหมบุรี ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารสยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดเผยว่า ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมีการแข่งขันอย่างเข้มข้น และนำเสนอสินค้าที่ใกล้เคียงกันทำให้ต้องแข่งขันกันที่ราคา แต่สยามพิวรรธน์ต้องการ Rise Above the Ocean โดยแข่งขันบนสินค้าและประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์
และตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในราคาที่สมเหตุสมผล บริษัทจึงมองเห็นกระแสความสนใจของกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า บริษัทจึงมุ่งนำเข้าสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด เทรนด์และไลฟ์สไตล์ที่กำลังเป็นที่นิยมจากทุกมุมโลกมาให้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำเข้าแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกมาวางจำหน่ายภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรีรวมกว่า 100 แบรนด์ แบ่งเป็นแบรนด์จากสแกนดิเนเวีย 40% เกาหลี 30% ที่เหลือ 30% เป็นแบรนด์จากยุโรปและญี่ปุ่น โดยแบรนด์จากเกาหลีได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในกลุ่มเสื้อผ้า และเครื่องสำอาง รวมทั้งยังมีร้านมัลติแบรนด์ สโตร์ “A LAND” ด้วย
นางสาวนภจิรา วัชรประภาส ผู้บริหารกลุ่มสินค้านำเข้า บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทจับมือกับ “คาร์ลิน” (CARLYN) แบรนด์กระเป๋าชื่อดังจากประเทศเกาหลี เข้ามาวางจำหน่ายในรูปแบบ Pop up หลังจากได้รับความนิยมอย่างมาก เห็นได้จากการเปิดพรีออร์เดอร์ 2 รอบมียอดขายรวมเกือบ 1 หมื่นใบ
โดยรอบล่าสุดมียอดจองราว 5,000 ใบหมดภายใน 11 นาที โดย “CARLYN POP UP BOUTIQUE” แห่งแรกในประเทศไทย เปิดให้บริการระหว่างวันที่ 1-30 เมษายน ณ ชั้น G ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ และมีแผนจะเปิดช้อปให้บริการภายในเร็วๆ นี้ บนพื้นที่ราว 26 ตร.ม. พร้อมนำเสนอคอลเลคชั่นต่างๆ ทั้งที่ได้รับความนิยมในเกาหลี และในไทย ในราคาที่ใกล้เคียงกันมากแตกต่างกันราว 5% เท่านั้น
เพื่อให้ลูกค้าคนไทยสามารถเลือกซื้อได้สะดวก รวมทั้งยังมีเอ็กซ์คูลซีพ คอลเลคชั่นที่วางจำหน่ายเฉพาะสยาม ดิสคัฟเวอรีเท่านั้น ทั้งนี้จากกระแสความนิยมของกระเป๋าคาร์ลิน เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายสินค้านำเข้าของกลุ่มประเทศเกาหลีมียอดขายเพิ่มขึ้น และอนาคตหากมีไลน์สินค้าอื่นที่น่าสนใจก็จะนำเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่นางอลิเซีย ลี ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการด้านการสร้างสรรค์ แบรนด์คาร์ลิน กล่าวว่า จุดเด่นของคาร์ลินคือ ความสบาย เข้าได้กับทุกรูปแบบการใช้งาน ด้วยดีไซน์และวัตถุดิบที่นำมาใช้งาน ทำให้สามารถแมทซ์เข้าได้กับทุกลุค การแต่งตัว ทั้งนี้คาร์ลินได้รับความนิยมอย่างมากในปีก่อน ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ ซึ่งกระแสนิยมนี้เองทำให้บริษัทตัดสินใจขยายเข้ามาเปิดช้อปในเมืองไทย
ถือเป็นการขยายสาขานอกประเทศเกาหลีเป็นแห่งแรก นอกจากนี้ยังสนใจ ขยายสาขาในอินโดนีเซียและญี่ปุ่นด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้คาร์ลิน เคยเปิดให้บริการในเกาหลี 6-7 สาขา รวมถึงในประเทศฮ่องกง ก่อนที่จะปิดให้บริการในฮ่องกง และเกาหลีเหลือเพียง 3 สาขา เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงหันไปใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
“การเข้ามาทำตลาดในไทยเบื้องต้นจะนำเข้ามาวางจำหน่าย 40 แบบ ซึ่งขณะนี้ยังต้องจำหน่ายแบบพรีออเดอร์ โดยจะผลิตตามการสั่งจองของลูกค้าเนื่องจากผลิตไม่ทันต่อความต้องการ แม้ในปีก่อนจะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว เป็น 6,000 ใบต่อวัน”
อย่างไรก็ดีในไตรมาส 1 ของปีนี้พบว่ามียอดขายเติบโต 40% ขณะที่ทั้งปีคาดว่าจะมียอดขายราว 900 ล้านบาท เติบโต 50% ขณะที่ในปี 2565 มีการเติบโตราว 200% หลังจากที่พบว่า มีลูกค้าผู้ชายหันมานิยมซื้อมากขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางจำหน่ายทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งชาวเกาหลีและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 50:50 โดยยอดขายมาจากช่องทางออนไลน์ 75% และออฟไลน์ 25%
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,879 วันที่ 16 - 19 เมษายน พ.ศ. 2566