นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เปิดเผยว่า ไอคอนสยาม เดินหน้าภารกิจสำคัญตามวิสัยทัศน์ของผู้ร่วมลงทุนทั้ง 3 บริษัทได้แก่ สยามพิวรรธน์, บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัดและบริษัทแม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้อย่างสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยสร้างแม่เหล็กดึงดูดให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายที่ครองความเป็นที่หนึ่งในใจผู้คนทั่วโลก จนปัจจุบันไอคอนสยามได้รับการยกย่องทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้เป็น Global Destination
ตลอดระยะเวลา 5 ปี “ไอคอนสยาม” ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้พลิกเกมครั้งยิ่งใหญ่และเป็นภาคส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้แข็งแกร่งขึ้นหลังวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา สร้างศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ บนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งธนบุรี
ทำให้ความเจริญรุ่งเรืองกระจายผลประโยชน์ในวงกว้างไปได้มาก ไอคอนสยามสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติได้มากกว่า 5,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานมากกว่า 3 แสนอัตรา เพิ่มมูลค่าของที่ดินบริเวณถนนเจริญนครและใกล้เคียงจากตารางวาละ 1.5 แสนบาท ในปี 2561 กลายเป็น 6.4 แสนบาทต่อตารางวาในปี 2566
นอกจากนี้ ภาครัฐบาลยังได้เข้ามาสานต่อในการปรับโครงสร้างพื้นฐาน วางระบบขนส่งเชื่อมต่อคมนาคมขนาดใหญ่ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้าสายสีทอง แผ่ขยายการเดินทางครอบคลุมทั้ง “รถ-ราง-เรือ” ช่วยให้ประชาชนและกลุ่มนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้หลากหลาย สร้างสีสันให้ธุรกิจการค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยากลับมาคึกคัก
สำหรับในปี 2567 ไอคอนสยาม ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อให้เกิดประโยชน์นานาประการแก่ชุมชนที่รายล้อมและบรรดาธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“ไอคอนสยามถือเป็นหนึ่งในโครงการสุดยอดไอคอนิค นำสิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก ‘The Best of Thailand Meets The Best of The World’ เป็นการนำเสนอคุณงามความดีในทุกมิติของความเป็นไทย พร้อมความยิ่งใหญ่ของสิ่งมหัศจรรย์จากทุกมุมโลก รวมกันให้ปรากฎเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร
เราเป็นต้นแบบการพัฒนาโครงการเมืองด้วยแนวคิดความยั่งยืน เติบโตและทำธุรกิจภายใต้กลยุทธ์การร่วมกันรังสรรค์ (Co-Creation) และการสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) ทำให้เราเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนกับทุกภาคส่วน เกิดผลตอบรับเชิงบวกสู่สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนสำคัญที่นำไอคอนสยามก้าวสู่ความยิ่งใหญ่บนเวทีโลกได้สำเร็จ
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับ ผลประกอบการของไอคอนสยามในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา มีรายได้เติบโตขึ้น 25% โดยประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าประจำทั้งที่เป็นคนไทยที่มีกำลังซื้อสูงและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยกลยุทธ์การส่งมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมาย การจัด World Class Event อย่างสม่ำเสมอ
และการเป็นศูนย์รวมงานศิลปะไทยและศิลปะระดับโลก ภายใต้แนวคิดการทำงานแบบ Collaborate to Win ทำให้ไอคอนสยามประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ส่งผลให้ธุรกิจของคู่ค้าพันธมิตรภายในศูนย์การค้าเติบโตได้ดีไปพร้อมกัน
เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและทั่วโลกตามนโยบายของภาครัฐ ไอคอนสยามจัดแคมเปญฉลองครบรอบ 5 ปีด้วยการทุ่มงบประมาณ 500 ล้านบาท จัดเตรียมแผนการตลาดทั้งกิจกรรมมหาปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่ World Class Event โปรโมชั่นเร้าใจ และกิจกรรมต่างๆกว่า 100 อีเวนท์
โดยนำ Soft Power ของไทยในด้านต่างๆ มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ทุกคนมาเยี่ยมชม รวมถึงร่วมมือกับททท. และกทม. จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี เช่น การแสดงแสงสี วิจิตร เจ้าพระยา งาน Amazing Thailand Countdown 2024 เป็นต้น แคมเปญจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เป็นระยะเวลา 5 เดือน จึงมั่นใจอย่างยิ่งว่า ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 70%
“ในวาระพิเศษครบรอบ 5 ปีของไอคอนสยามครั้งนี้ บริษัทจัดงานภายใต้แนวคิด “The 5th Anniversary of The ICON Unrivaled” เพื่อร่วมกันตอกย้ำให้ทุกคนรู้ว่า ประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยร่วมกับบัตรเครดิตกสิกรไทย จัดแคมเปญโปรโมชั่นสุดพิเศษ “ICONSIAM-The 5th Anniversary of The ICON Unrivaled” ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566-14 มกราคม 2567
พร้อมผนึกกำลัง 5 พันธมิตร 5 ประเทศ สร้างปรากฏการณ์ ‘World Collaboration’ งานฉลองความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ในช่วงเดือนตุลาคม 2566-กุมภาพันธ์ 2567 โดยจะจัดกิจกรรมการตลาดอัดแน่นตลอด 5 เดือนเต็ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยว ตอกย้ำจุดแข็งในการเป็น Global Destinations อันดับหนึ่งของประเทศไทย ด้วยสุดยอดมหกรรมความบันเทิงระดับโลกที่หลากหลายและครบครันมากที่สุด”