8 ผู้สร้าง “Luxury Destination” เบื้องหลังความสำเร็จ “สยามพิวรรธน์”

เบื้องหลังความสำเร็จของ “สยามพิวรรธน์” ผู้สร้างสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, ไอคอนสยาม, ไอซีเอส และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ จนกลายเป็นอาณาจักร Luxury Destination  รวมแบรนด์ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก สร้างปรากฏการณ์ยอดขายจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 กว่า 14 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 46% จากปี 2565 มียอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยที่ 8,500 บาท/คน/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสถิติเดิมอยู่ที่ 5,500 บาท/คน/วัน   

เกิดจากการนำเสนอประสบการณ์การช้อปอันยอดเยี่ยม (Extraordinary Shopping Experience) โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับ Luxury Brand ต่างๆ ที่ส่งเสริมให้แบรนด์ชูภาพลักษณ์ความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ นำเสนอประสบการณ์ให้กับลูกค้าให้เป็นที่จดจำ ทำให้สินค้ากลุ่มลักชัวรีแบรนด์ทุกประเภทได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จด้านยอดขายที่เติบโตมากกว่า 400% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่โดดเด่นสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก และเป็นผู้นำที่ครองฐานกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทย

นำมาสู่การเปิดพื้นที่ใหม่โซน LUXE Hall ที่สยามพารากอน ซึ่งขยายพื้นที่สำหรับสินค้ากลุ่มลักชัวรีแบรนด์เพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวจากเดิมที่มีประมาณ 10,000 ตารางเมตร รวมเป็น 20,000 ตารางเมตร โดยมี Luxury Brand เปิดใหม่ถึง 20 แบรนด์ อาทิ แบรนด์เนมยอดนิยมอย่าง Givenchy (จีวองชี่), Miu Miu (มิว มิว), Roger Vivier (โรเฌร์ วิวีเยร์) และ Valentino (วาเลนติโน่)  ไปจนถึงนาฬิกาแบรนด์หรูตั้งแต่ Vacheron Constantin, Jaeger Le Coultre, IWC, Panerai, Piaget, Chopard และ Franck Muller รวมถึงแบรนด์ที่เพิ่งเปิดร้านใหม่อย่าง Loro Piana  แบรนด์แฟชั่นเรียบหรูจากประเทศอิตาลี เปิดบูติกแห่งแรกในประเทศไทยที่สยามพารากอน

นอกจากนี้ ไอคอนสยามก็เดินหน้าขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว บรรดา Luxury Brand ต่างพาเหรดสร้าง Iconic นำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะมาเติมเต็มความต้องการในทุกไลฟ์สไตส์ พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Luxury แห่งโลกอนาคต

“ฟันเฟือง” สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนสยามพิวรรธน์ไปสู่ความเป็นเลิศในตลาดลักชัวรี  (The New World of Luxury)  คือ ทีมงานคุณภาพและมากประสบการณ์ ที่สามารถทำงานร่วมกับพันธมิตรชั้นนำที่หลากหลายทั้งในประเทศและระดับโลกเพื่อ curate สินค้าและประสบการณ์เข้ามาในศูนย์ได้ก่อนใคร ผ่านการทำงานแบบ Work as One ที่มุ่งเน้นแนวทางปฏิบัติที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของพนักงานซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาความสำเร็จ สร้างจุดหมายปลายทางโครงการระดับโลก และนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่าง

โดย 8 ผู้นำขับเคลื่อนประสบการณ์ลักชัวรี  

“แคโรไลน์ เมอร์ฟีย์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการขายและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บอกว่า หัวใจการทำตลาดลักชัวรีให้ประสบความสำเร็จ คือความเข้าใจเทรนด์ที่เกิดขึ้นของโลก พฤติกรรมและ Emotional value รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ความต้องการของลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงเพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใครและสามารถนำเสนอได้ก่อนใคร 

สยามพิวรรธน์มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง   เรามีสัมพันธภาพที่ยาวนานกับลักชัวรีแบรนด์ดังระดับโลกได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน  เพราะ เราเป็นสถานที่ที่สามารถสร้างยอดขายให้เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคหรือบางครั้งเป็นอันดับหนึ่งของโลก

“ทิพาณัท เลณบุรี” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขายและธุรกิจสัมพันธ์ ผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการลักชัวรีมายาวนาน เข้ามาร่วมเสริมทัพเป็นครอบครัวเดียวกันกับสยามพิวรรธน์ เพื่อดูแลกลุ่มลูกค้าลักชัวรี และ International Fashion Anchor บอกว่า

“รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสยามพิวรรธน์ โดยจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาร่วมขับเคลื่อนนำทัพทีมงานคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ร่วมสร้างและพัฒนาโครงการระดับโลกไปด้วยกัน”

ด้วยประสบการณ์ทางด้านการบริหารการตลาดกลุ่มสินค้าลักชัวรีมายาวนานกว่า 20 ปี อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจค้าปลีก ทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมที่จะใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มีนำพากลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ให้ครองความเป็นเลิศ และเป็นผู้นำด้านลักชัวรีต่อไป

“ธณพร ตันติยานนท์” รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจศูนย์การค้าสยามพารากอน  กล่าวว่า การปรับตัวเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ   ทุกวันนี้มุมมองของคำว่า Luxury ในปัจจุบันที่มีบริบทเปลี่ยนไป เป็นนิยามของ “New Luxury” ซึ่งมีความหมายไปตามปัจเจกชนนิยมที่ยอมรับในตัวตนของแต่ละคนที่มีความชอบที่แตกต่างกันไป

“สยามพิวรรธน์เป็นพื้นที่แห่งการสร้าง Luxury Experience ให้กับทุกคน ที่สามารถได้รับโอกาสของความรู้สึกลักซ์ซูรี่สามารถจับต้องได้ และเป็นเวทีหรือแพลตฟอร์มให้ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมแสดง และต่อยอดประสบการณ์หรือความรู้ที่มีอยู่” 

“อังคณา ศรีพนมธร” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย สะท้อนมุมคิดว่า “การเป็นผู้นำตลาดลักชัวรีในแบบสยามพิวรรธน์คือการ Co-Create & Collaboration to Win เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักในทุกแพลตฟอร์ม เรามีความพร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ดำเนินธุรกิจที่เปี่ยมไปด้วยพันธมิตร ร่วมกันสร้าง Ecosystem เพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าและยั่งยืน สร้างโลกใหม่ที่ไร้พรมแดนและเปี่ยมด้วยโอกาสหลากหลายมิติ”

“นรินทร แนวสูง” ผู้อำนวยการ ฝ่าย Luxury Tenant บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การนำเสนอปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่ที่น่าประทับใจ คือ ความสำคัญของการสร้างเดสติเนชั่น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดอีเว้นท์ระดับโลก การเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่สุดเอ็กซ์คูลซีฟ ลิมิเต็ดอิดิชั่นเป็นแห่งแรกแห่งเดียวในโลก

สถานที่ของเราได้รับเกียรติในการจัดงานสำคัญระดับโลกของลักชัวรีแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ยังมีอีกหลายแบรนด์ดังระดับโลกที่พาเหรดมาใช้พื้นที่ต่างๆ ของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เพื่อนำเสนอสุดยอดประสบการณ์ความมหัศจรรย์

“ภัทธราภรณ์ ตรรกธาดา” ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส ย้ำว่า “สินค้ากลุ่มลักชัวรีแบรนด์มียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดมาโดยตลอด เพราะมีการนำเสนอความแปลกใหม่อยู่เสมอ อาทิ ผ่าน Pop-up Store เพื่อขายสินค้าลิมิเต็ดคอลเลคชั่นพิเศษมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความตื่นตาตื่นใจ และตอบโจทย์การสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าอยู่เสมอ”

“จิตตินันท์ โยธินนรธรรม” ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส อีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับ “สยามพิวรรธน์” บอกว่า เราให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดให้กับลูกค้า ใส่ใจในทุกรายละเอียดเน้นในเรื่องของคุณภาพของการบริการและความใส่ใจของพนักงาน สร้างจุดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร ทำให้ทุกศูนย์การค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ตอบโจทย์ความเป็น Global Landmark Destination ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกอย่างแท้จริง

สุดท้ายเป็นมุมมองของ “อมัจจ์ สมบูรณ์เจริญ” ที่ปรึกษา – กลุ่มงานสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งกล่าวย้ำว่า สยามพิวรรธน์ต้องก้าวล้ำนำโลกลักชัวรีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ในวันนี้ธุรกิจลักชัวรีต้องมอบความสุขให้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย ทุกสถานะ นอกจากนี้วงการลักชัวรียังต้องสร้างโอกาสให้กับชีวิตและสร้างโลกให้น่าอยู่และยั่งยืนขึ้น นี่คือความ “ลักชัวรีสำหรับทุกคน” ที่ยั่งยืนและหลายมิติที่เรากำลังขับเคลื่อนอย่างจริงจัง