นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เปิดเผยว่า หลังการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์หันมาจับกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2565 พบว่า ภาพรวมของไอคอนสยามมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยพบว่า 6 เดือนแรกของปี 2566 มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 70% มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 25%
ส่งผลให้ไอคอนสยามมีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 1 แสนคนต่อวันในวันธรรมดา และ 1.2-1.4 แสนคนต่อวันในวันหยุด ซึ่งเป็นลูกค้าคนไทยราว 60% และต่างชาติ 40% ซึ่งคาดว่าจนถึงสิ้นปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามามากขึ้นทำให้สัดส่วนเป็น 50 : 50
โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 ประเทศที่มาใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ จีน, มาเลเซีย, รัสเซีย, สปป.ลาว และเกาหลี ขณะที่ลูกค้าต่างชาติที่ลดลงได้แก่ เวียดนาม และตะวันออกกลาง ขณะที่อินเดีย ยังคงนิยมเดินทางเข้ามาเป็นแบบกรุ๊ป แตกต่างจากนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่เป็นนักท่องเที่ยวแบบ FIT
อย่างไรก็ดีในปี 2567 บริษัทมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทในการปรับปรุงพื้นที่ชั้น M และชั้น 1 เพื่อขยายพื้นที่เช่า และเพิ่มแม็กเน็ตร้านค้าเข้ามา ทั้งร้านแฟชั่น, อาหารและเครื่องดื่ม รองรับความต้องการของร้านผู้เช่า และลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่เช่าภายในไอคอนสยามเต็มแบบ 100% มีพื้นชั้น 8 ที่เตรียมไว้สำหรับทำโครงการริเวอร์ มิวเซียม จำนวน 5,000 ตร.ม. ซึ่งในปีหน้าบริษัทจะศึกษาพร้อมหาพันธมิตรและแนวทางในการลงทุนโครงการมิวเซียมรูปแบบใหม่
“ปัจจุบันพื้นที่ภายในไอคอนสยามเต็มหมดแล้ว แต่มี waiting list จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกที่รอเข้ามาอยู่ 30-40 แบรนด์ ทั้งในกลุ่มแฟชั่น อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งการรีโนเวตจะทำให้เรามีพื้นที่เพิ่มขึ้น และสามารถเพิ่มแม็กเน็ตได้อีก 50-60 ร้านค้า ทำให้สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้นด้วย”
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น เกาหลี เข้ามาใช้บริการในศูนย์มากขึ้น จากการตามรอยซีรีย์ดัง เช่น King The Land เป็นต้น ซึ่งแต่ละปีมีผู้ผลิตภาพยนตร์และซีรีย์เข้ามาใช้พื้นที่ภายในศูนย์ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 50-60 เรื่องต่อปี ทำให้ในปีหน้าบริษัทพร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้ามาใช้พื้นที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ได้ เพื่อเป็นการสนับสนุน Soft Power ของไทย
“วันนี้ไอคอนสยามเป็นเหมือนแพลตฟอร์มในการสื่อสารให้คนทั่วโลกรู้จัก Soft Power ของไทย จากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มุ่งสร้างแม่เหล็กดึงดูดให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายที่ครองความเป็นที่หนึ่งในใจผู้คนทั่วโลก จนปัจจุบันครบรอบ 5 ปี ไอคอนสยามได้รับการยกย่องทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้เป็น Global Destination สัญลักษณ์ประเทศไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างแท้จริง
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า แต่ละปีไอคอนสยามจัดกิจกรรมมากมาย ทั้งเทศกาลและประเพณีไทย รวมไปถึงกิจกรรม World Class Event ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐ และพันธมิตรทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางวัฒนธรรมระดับโลก หรือ Global Cultural Influence ผ่านการปั้น Soft power ของไทยสู่เวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น ดีไซเนอร์ และอื่นๆ ในทุกมิติ
ด้านนางสุมา วงษ์พันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 5 ปีไอคอนสยาม จับมือกับ 4 พันธมิตร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด
จัดงานฉลอง “ICONSIAM-The 5th Anniversary of The ICON Unrivaled” เนรมิตพื้นที่งดงามที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา รังสรรค์การแสดงแสงสีเสียงอย่างยิ่งใหญ่ ยกกองทัพนักแสดงและศิลปินต่างชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก บินตรงมาร่วมเฉลิมฉลองไอคอนสยามในฐานะ Global Destination บนแนวคิด The Best of Thailand Meets The Best of The World
โดยทุ่มงบประมาณ 500 ล้านบาท จัดกิจกรรมมหาปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่ตลอด 5 เดือน ทั้ง World Class Event โปรโมชั่นเร้าใจ และกิจกรรมบันเทิงมากมาย โดยจะนำ Soft Power ของไทย มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยี่ยมชม ขณะเดียวกัน จะเรียนเชิญศิลปินต่างชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาร่วมแสดงผลงานกับศิลปินไทยในหลากหลายมิติมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีแคมเปญโปรโมชั่นที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อการฉลองครบรอบ 5 ปีภายใต้แนวคิด “The ICON Unrivaled” ซึ่งมีร้านค้าภายในศูนย์เข้าร่วมกว่า 300 ร้านค้าที่จัดทำส่วนลดและสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า พร้อมลุ้นรับโชค 3 ต่อ อาทิ รถยนต์ TESLA Model 3, รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าเอ็กซ์แม็กซ์ คอนเน็คเต็ด, จี้เพชรจากแบรนด์ Jubilee, และรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวม 24,500 รางวัล โชคต่อที่สอง เพียงช็อปครบตามยอดซื้อที่กำหนด สามารถเลือกแลกรับของรางวัล เช่น ICONSIAM Travel Bag Set, THANN set หรือ Siam Gift Card และโชคต่อที่สาม พิเศษระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย.นี้ รับเพิ่ม 9,000 Viz Coin ด้วย
“ที่ผ่านมาไอคอนสยามเดินหน้าภายใต้ 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การร่วมกันรังสรรค์ (Co-Creation) และการสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) ทำให้สามารถเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนกับทุกภาคส่วน เกิดผลตอบรับเชิงบวกสู่สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนสำคัญที่นำไอคอนสยามก้าวสู่ความยิ่งใหญ่บนเวทีโลกได้ ความสำเร็จตลอด 5 ปีของไอคอนสยาม เกิดจากพลังความร่วมมือของพันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชนโดยรอบที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ในปีหน้าไอคอนสยาม ยังคงเดินหน้าภายใต้กลยุทธ์ การส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย, การจับมือกับพันธมิตรในการสร้าง World Class Event และการยกระดับงานเทศกาลและประเพณีไทยให้เป็นกิจกรรมระดับโลก ด้วย”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,938 วันที่ 9 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566