ไทยเจ้าภาพจัดประชุม "อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม" บูสต์การค้า 1.9 แสนล้าน

04 ก.ค. 2567 | 06:35 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2567 | 05:00 น.

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย-สถานทูตอิตาลี จัดประชุม Italian-Thai Business Forum ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เสริมสัมพันธ์ทางการค้า เพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ บูสต์การเติบโตต่อเนื่องจากปี 2566 รวมมูลค่าเกือบ 1.9 แสนล้านบาท

เกือบ 1 ทศวรรษของความสำเร็จในการประชุม “อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม” (Italian-Thai Business Forum - ITBF) ที่ได้แสดงถึงเจตจำนงอันแรงกล้าของทั้งสองฝ่ายในการขยายศักยภาพความร่วมมือด้านการค้า-การลงทุนร่วมกัน โดยข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่าประเทศไทยและอิตาลีมีมูลค่าการค้าในปี 66 รวม 5,062.15 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.32% แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 2,098.42 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า มูลค่า 2,963.73 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 1.9 แสนล้านบาท 

ในการประชุมอิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม ครั้งที่ 9 (ITBF) ในปี 2567 นี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 156 ปี โดยเฉพาะในฐานะคู่ค้าคนสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ไปเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการแล่วในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยได้หารือกับนางจอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอิตาลีเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนร่วมกัน และนางจอร์เจีย เมโลนี มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 

นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานร่วมอิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม และที่ปรึกษา กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า การประชุมครั้งที่ 9 นี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเพื่อสานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและอิตาลี รวมทั้งเป็นเวทีที่รวบรวมเหล่าซีอีโอและผู้นำของภาคเอกชนทั้งไทยและอิตาลีได้แสดงศักยภาพและความโดดเด่นของแต่ละบริษัท เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายหลากหลายแขนง ช่วยอำนวยประโยชน์ด้านการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศให้เกิดการขยายความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยอิตาลีถือเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 24 ของไทยและอันดับที่ 3 จากอียู

ไทยเจ้าภาพจัดประชุม \"อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม\" บูสต์การค้า 1.9 แสนล้าน

นายธวัชชัย เศรษฐจินดา รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เน้นย้ำถึงการสานต่อ MOU ระหว่างสภาหอการค้าไทยและสภาหอการค้าอิตาลี (Unioncamere: the Italian Union of Chambers of Commerce, Industry, Crafts and Agriculture) เพื่อผลักดันธุรกิจระดับ SME โดยเฉพาะด้านอาหาร, แฟชั่น (ผ้าไหม), ไลฟ์สไตล์ (เซรามิกและเฟอร์นิเจอร์) สู่ตลาดสากล สำหรับการประชุมในปี 2567 นี้ นักธุรกิจตัวแทนทั้งจากประเทศไทยและอิตาลีได้นำเสนอ ข้อมูลด้านนโยบายและแผนงานด้านธุรกิจของบริษัทให้กับสมาชิก เพื่อต่อยอดโอกาสการค้าการลงทุนร่วมกัน อาทิ

กลุ่มเซ็นทรัล : ห้างรีนาเชนเต สาขาฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ติดอันท็อปเทน ห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์ที่ดีที่สุดในโลกในปี 2565 ปัจจุบันรีนาเชนเตมีทั้งหมด 9 สาขา ใน 8 เมือง อาทิ โรม มิลาน ฟลอเรนซ์ ตูริน เป็นต้น และยังครองอันดับ 1 ด้าน Online Store และ On Demand Chat & Shop โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 20 ล้านคน มีแบรนด์สินค้าภายในห้างกว่า 3,600 แบรนด์ นอกจากนี้ยังส่งเสริมสินค้าภูมิปัญญาไทยด้วยการนำกระเป๋า เครื่องแต่งกายที่ผลิตจากผ้าขาวม้าไทยมาจำหน่ายในห้างรีนาเชนเตอีกด้วย ทั้งนี้ในปลายปี 67 เตรียมเผยโฉมใหม่ห้างเซ็นทรัล สาขาชิดลม ประเทศไทย อย่างเต็มรูปแบบ ในคอนเซ็ปต์ The Store of Bangkok ด้วยงบลงทุนกว่า 4 พันล้านบาท

โดยกลุ่มเซ็นทรัลยังมุ่งส่งเสริมงานศิลปะด้วยการนำผลงานของศิลปินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กลุ่มเซ็นทรัลให้การสนับสนุน จัดแสดงในงาน “เวนิส เบียนนาเล่” ครั้งที่ 60 เทศกาลศิลปะที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ธนาคารกรุงเทพ : เป็นธนาคารที่ใหญ่อันดับ 6 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ เป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่เปิดสาขาในต่างประเทศรวม 14 ประเทศทั่วโลก โดยใน ปี 66-67 มีแผนพัฒนาการบริการให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น อาทิ New Regional iCash, Domestic Blockchain Payment เป็นต้น

ไทยเจ้าภาพจัดประชุม \"อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม\" บูสต์การค้า 1.9 แสนล้าน

อุตสาหกรรมดีสวัสดิ์ : ผลิตและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นดีไซน์ด้านความยั่งยืน (Sustainable Design) และดำเนินธุรกิจโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อเมษายนได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก Salone del Mobile หรือ Milan Design Week ณ เมืองมิลาน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ผลงานในอนาคต

โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ บริษัทในเครือของกลุ่ม ปตท.ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ เน้นกลยุทธ์ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยมลพิษ มุ่งพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด เช่น พลังงานหมุนเวียน , เทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน (ESS - Energy Storage System)เป็นต้น

กราฟีน ครีเอชั่นส์ กราฟีน เป็นวัสดุคาร์บอนที่ใช้กันแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ปิโตรเคมี โพลิเมอร์ อิเล็กทรกนิกส์ และเซมิคอนดักเตอร์ โดยตลาดกราฟีนทั่วโลกในปี 2565 มีมูลค่า 864.92 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 3,548.96 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573   โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีเช่น AI ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และมุ่งสู่ความยั่งยืนในอนาคต

เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ : ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ให้บริการขนส่งที่หลากหลาย เช่น ทางรางผ่านรถไฟความเร็วสูง, ทางอากาศที่สนามบินอู่ตะเภาและสุวรรณภูมิ,ทางรถผ่านมอเตอร์เวย์, ทางทะเลผ่านท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด โดยมีบริการทั้งหมด 9 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนและจีน อีกทั้ง ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีแห่งอนาคตมาใช้ในคลังสินค้า อาทิ ASRS , AI, หุ่นยนต์ เป็นต้น

ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี : ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในเอเชีย โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า มีฐานการผลิตทั้งในไทยและต่างประเทศครอบคลุมเขตอุตสาหกรรมหลัก เช่น แหลมฉบัง, ระยอง, นครนายก และสมุทรปราการ รวมถึงจีน อินเดีย ญี่ปุ่น อเมริกา และเวียดนาม และล่าสุดบริษัทคู่ค้าอย่างดูคาติ (Ducati) ได้ลงทุนตั้งฐานการผลิตที่จังหวัดระยองเมื่อเดือนเมษายน 2567

วัฒนไพศาล เอ็นยิเนียริ่ง: ประกอบธุรกิจผลิตโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ อาทิ โรงไฟฟ้า, โรงกลั่นน้ำมัน, โรงปิโตรเคมี, ถังความดัน, และการติดตั้งเครื่องจักร เพื่อส่งออกตะวันออกกลางและสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างความสำเร็จของบริษัท เช่น การผลิตโรงงานน้ำตาลแห่งแรกของไทย (Thai Sugar Mill) โดยปัจจุบันได้ทำงานร่วมกับบริษัทด้านน้ำมันและก๊าซที่มีชื่อเสียง เช่น Exxon, Ineos, Thai Oil เป็นต้น

โดยการประชุมอิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่มในครั้งนี้ คณะกรรมการฝ่ายอิตาลีที่ได้เข้าร่วม 13 บริษัท ฝั่งผู้เข้าร่วมจากประเทศไทย รวม 16 บริษัท

นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า GDP ของไทยในไตรมาส 1 ขยายตัว 1.5% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของภาคท่องเที่ยว นอกจากนี้ภาครัฐยังชูวิสัยทัศน์ Ignite Thailand เพื่อผลักดัน 8 อุตสาหกรรมเป้าหมายให้ไทยเป็นฮับของภูมิภาค เร่งส่งเสริมการเจรจาเขตการค้าเสรี (Free Trade Area – FTA) ไทย-อียู ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนในไทยผ่านหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI (Board of Investment) ออกมาตรการการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% นาน 5 ปี, การยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร เป็นต้น

ไทยเจ้าภาพจัดประชุม \"อิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม\" บูสต์การค้า 1.9 แสนล้าน

ด้าน นายคาร์โล เปเซ็นติ (Mr. Carlo Pesenti) ประธานร่วมอิตาเลียน-ไทย บิสซิเนส ฟอรั่ม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิตาโมบิลิอาเร กล่าวว่า บริษัทอิตาโมบิลิอาเร ให้ความสำคัญกับการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการในการเติบโตสูง รวมถึงมีแนวคิดด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการบูรณาการ ESG ในทุกขั้นตอนของการลงทุน ดังนั้น การมีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับข้อบังคับของยุโรปด้านความยั่งยืน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเราซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนในการเติบโตร่วมกันต่อไป

ดร. ฟิลิปโป คอร์ซินี ศาสตราจารย์ด้านการจัดการความยั่งยืนจากสถาบัน Scuola Superiore Sant'Anna ให้ความเห็นว่าภาคธุรกิจมีความสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยนโยบายสำคัญของสหภาพยุโรป ได้แก่ European Green Deal ที่ตั้งเป้าบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 และลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิอย่างน้อย 55% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ยังตระหนักถึงความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์และการผลิตที่ยั่งยืน อาทิ สิ่งทอ, บรรจุภัณฑ์, อาหาร เป็นต้น