‘สุขภาพ&ความงาม’ ไทยโตแรง แตะ 3.4 แสนล้าน บิ๊กเนมรุมชิงกำลังซื้อกลุ่มนิวเจน

06 ก.ค. 2567 | 10:48 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2567 | 11:06 น.

ตลาดสุขภาพและความงามโตสวนกระแส คาดทะลุ 3.4 แสนล้าน จับตาบิ๊กเพลย์เยอร์พาเหรดชิงกำลังซื้อกลุ่มคนรุ่นใหม่ หลังพบเซ็กเม้นท์ “สกินแคร์” ครองสัดส่วน 44% ขณะที่ 3 เทรนด์ฮอต ได้แก่ กลุ่มแอนตี้ เอจจิ้ง-สารสกัดจากธรรมชาติ-เห็นผลเร็วทันใจ

กระแสความร้อนแรงของตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม (Health & Beauty) ไทยยังคงเข้มข้นต่อเนื่องจากปีก่อนที่พบว่ามีมูลค่าราว 2.64 แสนล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะเติบโตขึ้นราว 9.5% ส่งผลให้มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 แสนล้านบาท แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับภาพรวมตลาดในช่วงก่อนโควิด-19 แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย ยังพบว่า เซ็กเม้นท์ใหญ่สุดและมีการเติบโตมากสุดคือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือสกินแคร์ ที่มีสัดส่วน 44% ตามมาด้วย แฮร์แคร์ 16.7%, บอดี้แคร์ 13.7%, ออรัลแคร์ 12.3%, เครื่องสำอาง 9.3%, สินค้าสำหรับผู้ชาย 7.5% และน้ำหอม 4.3%

สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย ยังระบุอีกว่า เทรนด์ของตลาดสกินแคร์ที่มาแรงในปีนี้คือ ผลิตภัณฑ์ในหมวดชะลอริ้วรอย หรือแอนตี้ เอจจิ้ง ที่เติบโตตามฐานสัดส่วนประชากรในไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมไปถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและแต่งหน้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ และไม่ต้องมีส่วนผสมจำนวนมาก เพื่อให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่กลุ่มลูกค้า ตามค่านิยมและไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน และเมื่อใช้แล้วต้องเห็นผลลัพธ์ที่ดี ตามเทรนด์ เช่น ฉ่ำวาว ชุ่มชื้น เป็นต้น

‘สุขภาพ&ความงาม’ ไทยโตแรง แตะ 3.4 แสนล้าน บิ๊กเนมรุมชิงกำลังซื้อกลุ่มนิวเจน

 

อย่างไรก็ดีแม้ตลาดสกินแคร์ จะต้องเผชิญความท้าทายหลายประการ ทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์สงครามโลก ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน แต่การแข่งขันในตลาดกลับทวีความรุนแรง เห็นได้จากผู้ประกอบการทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติที่แห่ลงสนามชิงส่วนแบ่งตลาด

นายธนธัส ถนอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายชยธร เมฆทันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพาณิชย์ บริษัท ทีเอที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต จำหน่ายและส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ภายใต้แบรนด์ แพลนท์เนอรี่ (Plantnery), กราวิช (Gravich) และเจเคเอ็กซ์แล็บ (JKxLAB) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความน่าสนใจของตลาดสกินแคร์และเวชสำอางในไทยว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยใส่ใจเรื่องความสวยความงามมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะจับจ่ายสินค้าเพื่อการดูแลตัวเอง แต่อยู่ในเกณฑ์ราคาที่จับต้องได้

นอกเหนือจากการเดินหน้ากลยุทธ์ 3P คือ Product Creator การร่วมกับสถาบันชั้นนำในต่างประเทศวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ Pricing & Friendly การขยายช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบ O2O (Online to Offline) ทั้ง Modern Trade, Traditional Trade และ Social Commerce เพื่อมุ่งสู่การเป็น Top of Mind ของตลาดสุขภาพและความงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ และ Partnership & Collaboration การ

‘สุขภาพ&ความงาม’ ไทยโตแรง แตะ 3.4 แสนล้าน บิ๊กเนมรุมชิงกำลังซื้อกลุ่มนิวเจน

จับมือกับพันธมิตรในการขยายฐานลูกค้า ภายใต้กลยุทธ์ Fandom Marketing ด้วยการจับมือกับ “IAM” และ “Dreamers” ร่วมกับศิลปินในเครือทั้ง BNK48, CGM48, QRRA และ Proxie เพื่อสร้างความบันเทิงผ่านรูปแบบ Shoptainment และกิจกรรมการตลาดร่วมกับศิลปิน กลุ่มลูกค้าของแบรนด์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่มีพฤติกรรมการจับจ่ายกลุ่มสกินแคร์สูงกว่าช่วงวัยอื่นๆ เน้นสินค้าที่ราคาจับต้องได้และมีคุณภาพ การใช้กลยุทธ์ Fandom Marketing จะช่วยทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น

 “มองว่าผู้ประกอบการในธุรกิจสุขภาพและความงามไทยหลายรายสามารถสร้างแบรนด์ให้มีชื่อเสียงระดับโลกได้ ในมุมของผู้ประกอบการรายใหม่อยากให้รัฐบาลสนับสนุนผลักดันให้สินค้าเป็น Soft power ของประเทศ และดูแลเรื่องของกลุ่มสกินแคร์และเวชสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานให้ไม่มีพื้นที่ขายในตลาดเพื่อปกป้องผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ”

ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายไลน์สินค้าให้มีความหลากหลาย เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท พร้อมขยายตลาดส่งออกไปยัง CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) และมีแผนระดมในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2569 เพื่อนำเงินมาขยายกำลังการผลิตและรองรับตลาดที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ขณะที่นางสาวธีรดา อำพันวงษ์ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) ในเครือเครือสหพัฒนพิบูล กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันนี้ แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก เนื่องจากมีการจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องปกติ ยิ่งในสินค้าความงามการซื้อออนไลน์จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น

‘สุขภาพ&ความงาม’ ไทยโตแรง แตะ 3.4 แสนล้าน บิ๊กเนมรุมชิงกำลังซื้อกลุ่มนิวเจน

 

“อีคอมเมิร์ซ OCCLIFESTORE.COM เกิดขึ้นเพราะต้องการมอบประสบการณ์การช้อปออนไลน์แบบ One Stop Service ครบจบในเว็บไซต์เดียว ที่มีความน่าเชื่อถือ ใช้งานง่าย จัดส่งรวดเร็ว และมีโปรโมชั่น พิเศษมากมาย ซึ่งเราเชื่อว่า เว็บไซต์ของเราจะช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งของผู้บริโภคยุคนี้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งภายในเว็บไซต์ จะนำเสนอสินค้าหลากหลายกลุ่ม อาทิ ผลิตภัณฑ์ความงาม แฟชั่น แฮร์แคร์ เวลเนส รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ครอบคลุมทั้งแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการช้อปที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์”

ด้านนายธวัชชัย บุญทวีกิจผู้จัดการทั่วไป บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดเวชสำอางไทยเติบโตไม่หยุด จากผลสำรวจอินไซต์ผู้บริโภคพบว่า ปัญหาฝุ่นละอองและควันพิษ ส่งผลให้หันมาดูแลผิวพรรณอย่างลึกซึ้ง ดันตลาดเวชสำอางเติบโตต่อเนื่อง คาดปีนี้โดยรวมเติบโตมากกว่า 20% ขณะเดียวกัน บริษัทก็ต้องปรับตัวเพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด โดยกลยุทธ์การทำตลาด “เซตาฟิล” (CETAPHIL) จะหันมานำเสนอคอนเทนต์ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างให้ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพผิวเพื่อเสริมความมั่นใจ สร้างภาพลักษณ์ให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับขั้นตอนการล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดผิว เพราะในแต่ละวันต้องเจอกับมลภาวะที่ส่งผลกระทบต่อผิว ทำให้เกิดผดผื่นคัน แสบแห้ง หรืออุดตัน เป็นต้น

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,007 วันที่ 7 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567