นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาคธุรกิจร้านอาหารรายย่อยที่ประกอบด้วย “คนตัวเล็ก” ร่วมกันยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา
เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ธุรกิจร้านอาหารที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะปิดตัวลงมากกว่านี้ ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนแรกของปี 67 ร้านอาหารเริ่มทยอยปิดตัวลงไปกว่า 40% คาดการณ์กว่าถ้ายังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐจะปิดตัวสูงขึ้นถึง 50% ภายในปี 67
เนื่องจากสถานการณ์สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ซบเซาอย่างหนัก โดยมีสาเหตุมาจากกำลังซื้อของประชาชนในประเทศหดตัวลงกว่า 60% หนี้ครัวเรือนที่ส่งผลให้ประชาชนรัดเข็มขัดแน่นขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบทั้งผักสด ค่าไฟ ค่าขนส่ง ที่มีส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจร้านอาหาร ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 100-300% อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังเดินทางไม่มากเท่าที่ควร
“ก่อนหน้านี้ธุรกิจร้านอาหารเจอกับพายุลูกใหญ่ที่สุดอย่างวิกฤตโควิด-19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายในช่วงปีก่อนหน้า ภาคเอกชนคิดว่าเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารในไทยฟื้นตัว ซึ่งสัญญาณบวกก็อยู่ได้ไม่นานหลังจากนั้นเรียกได้ว่าดิ่งกว่าเดิม เนื่องจากธุรกิจร้านอาหารไม่ได้ทำงานหาเงินใช้วันต่อวันแต่ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจเพื่อใช้หนี้ในช่วงวิกฤตก่อนหน้าด้วย ก่อนก็โควิดประชาชนไม่กล้าใช้เงิน แต่ ณ ปัจจุบันประชาชนไม่มีเงินจะใช้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายแบกตัวเองไม่ไหวต้องออกจากตลาดไปอย่างน่าเศร้า”
วอนรัฐอยากให้รัฐบาลออกมาตรฐานตรึงราคาสินค้า ชี้แสงสว่างให้ผู้ประกอบโดยด่วน โดยชมรมฯ เสนอให้เร่งพิจารณา 3 มาตรการสำคัญที่สามารถทำได้เลยดังต่อไปนี้
3 มาตรการดังกล่าว รัฐต้องเร่งช่วยเหลือภายในปีนี้ เพราะเป็นมาตรการที่สามารถทำได้เลย นอกจากนี้ยังแนะรัฐให้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ตรงตามเป้า ต้องเบนเข็มมากระตุ้นไทยเที่ยวไทยอีกครั้ง นอกจากนี้รัฐบาลต้องมองแผนระยะยาว การค้าขาย ธุรกิจร้านอาหารน่าเป็นห่วง GDP ไม่ถึง 2% ต้องอัดเงินลงมาในระบบให้ประชาชนมีกำลังซื้อ นายสรเทพกล่าวทิ้งท้าย