นางสุดถนอม กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มะลิ กรุ๊ป 1962 จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นมตรามะลิมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปีมีปัจจัยหลักมาจากการกลยุทธ์ขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุม เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ได้แก่ นมข้นหวานตรามะลิแบบถุง นมข้นหวานตรามะลิแบบกล่อง และนมข้นหวานตรามะลิแบบหลอดบีบโดยจุดเด่นของบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ นี้คือความสะดวกสบายในการใช้งาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทมั่นใจว่านมตรามะลิจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายประการ ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น หรือกำลังซื้อของผู้บริโภค และการแข่งขันที่รุนแรง โดยมีปัจจัยมาจากธุรกิจอาหารที่ยังคงขยายตัว
ด้านแผนรุกตลาดในไตรมาส 4 บริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ควบคู่กับการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย มุ่งสร้างการเข้าถึงสินค้าที่สะดวกและรวดเร็ว ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายนี้ ส่งผลให้นมตรามะลิยังครองความเป็นผู้นำในตลาดนมข้นหวานของประเทศไทยกว่า 30% อีกทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดตะวันออกกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิสราเอล ส่วนปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น ไต้หวัน เกาหลี แอฟริกา และ CLMV ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่านมตรามะลิจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ด้วยคุณภาพของสินค้าที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่รัดกุมและการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่
นางสุดถนอม กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเปิดตัว Mali Café แฟรนไชส์ร้านกาแฟน้องใหม่ ภายในงาน Thailand Coffee Fest 2024 เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่ง Mali Café มีจุดเริ่มต้นมาจากความมุ่งมั่นของบริษัทที่ต้องการสร้างอาชีพยั่งยืนให้แก่ครอบครัวตำรวจผ่านโครงการ “อาซ้อ” คาเฟ่ เมื่อปี 2566 ซึ่งเป็นร้านกาแฟรูปแบบคีออสขนาดเล็ก ซึ่ง “อาซ้อ” คาเฟ่ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคทั่วไปนอกเหนือจากครอบครัวตำรวจ กระแสตอบรับที่ดีนี้ จึงเป็นแรงผลักดันให้บริษัทตัดสินใจขยายธุรกิจร้านกาแฟ โดยก่อตั้ง “Mali Café” ขึ้นเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม
“เราผลักดัน Mali Café ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพได้อย่างง่ายขึ้น อีกทั้งเรายังมั่นใจว่า Mali Café สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลายๆ กลุ่มในการทานเครื่องดื่ม ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์กาแฟที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศและ Mali Café ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์กาแฟ แต่เป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทที่ต้องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นมคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม”
สำหรับจุดเด่นของ Mali Café คือการลงทุนครั้งเดียวจบ ไม่มีค่าแฟรนไชส์ ไม่มีเก็บเปอร์เซ็นต์ขายรายเดือน และจะมีนำเสนอแพ็คเกจครบครันสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ วัตถุดิบ และสูตรอาหารพร้อมฝึกปฏิบัติ โดยจะมีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ไซส์ SS, ไซส์ S, ไซส์ M และไซส์ L ราคาเริ่มต้นที่ 3.5 หมื่นบาทถึง 1.5 แสนบาท ซึ่งไซส์ SS ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นไซส์ที่ทุกกลุ่มสามารถจับต้องได้ด้วยราคาย่อมเยา โดย Mali Café มุ่งเน้นกลุ่มแม่บ้าน หรือผู้ที่ต้องการหาอาชีพเสริม แต่ก็ยังตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งกลุ่มกาแฟ กลุ่มไม่ดื่มกาแฟ เช่น โอวัลติน และกลุ่มรักสุขภาพ เช่น นมโอ๊ต เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีร้าน Mali Café ราว 10 สาขาในครึ่งปีหลัง ส่วนแผนธุรกิจในระยะยาว อยากจะขยายธุรกิจ Mali Café ให้ได้ทั่วประเทศ โดยคาดหวังในอนาคตจะสามารถนำผลิตภัณฑ์ของนมตรามะลิเข้าไปอยู่ในทุกครัวเรือน เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผ่านกลยุทธ์ออนไลน์ LINE My Shop เพื่อเสนอขายสินค้าต่างๆ ของ Mali Café โดยอนาคตมีแผนจะทำกลยุทธ์ในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok เป็นต้น