ถือเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองไทย สำหรับบริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ที่ล่าสุดเตรียมจัดใหญ่ฉลอง “ท็อปส์” ครบรอบ 28 ปี” กับการขับเคลื่อนธุรกิจฟู้ดรีเทล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัย จนสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกกลุ่มฟู้ดในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail”
นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ท็อปส์ให้ความสำคัญกับการศึกษาเจาะลึกอินไซด์ของลูกค้า ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ
ซึ่งจากการศึกษาพบว่าลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลาย และไม่ชอบโปรโมชั่นที่ไม่ได้ตรงกับความสนใจ ท็อปส์จึงริเริ่มแนวคิดใหม่ที่เน้นการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) โดยให้ลูกค้าเลือกสินค้าและส่วนลดได้เอง ตามความต้องการของแต่ละคน เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวและตรงใจมากยิ่งขึ้น
ซึ่งสะท้อนถึง DNA ของท็อปส์ที่ประกอบด้วย “T” คือ Trusted Companion ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า และ “P” คือ Pioneer ที่สร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า
โดยในปีนี้ท็อปส์ได้ปรับเปลี่ยนและพัฒนาแคมเปญเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น โดยเริ่มนำมาใช้กับแคมเปญ “แปะปุ๊บลดปั๊บ ลดเลยตามใจคุณ” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 พร้อมเพิ่มประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เหนือชั้น ด้วยแนวคิดใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกคน ซึ่งแคมเปญ “แปะปุ๊บลดปั๊บ ลดเลยตามใจคุณ” นี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2563 และปี 2564
โดยได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า สามารถผลักดันยอดขายเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ทำให้บริษัทเชื่อมั่นและนำแคมเปญนี้กลับมาอีกครั้งในปี 2567 เพื่อส่งมอบความสุขและความคุ้มค่าให้กับลูกค้าทุกคน
ความพิเศษของแคมเปญ “แปะปุ๊บลดปั๊บ ลดเลยตามใจคุณ” คือ ท็อปส์มอบอำนาจให้ลูกค้าเลือกส่วนลดในสินค้าที่ต้องการเอง สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ Personalize ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมเพิ่มจำนวนสติกเกอร์ส่วนลดสูงสุด 12 ดวง และมีแบรนด์สินค้าชั้นนำที่เข้าร่วมมากกว่า 30 แบรนด์ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ส่วนลดได้ที่เครื่อง self-checkout ทำให้การช้อปปิ้งสะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสมาชิก The1 สามารถรับสติกเกอร์ส่วนลดสูงสุด 20% อาทิ ช้อปครบ 300 บาท/ใบเสร็จ รับสติกเกอร์ส่วนลดสูงสุด 10% 1 แผ่น เฉพาะ Tops Daily เท่านั้น ช้อปครบ 800 บาท/ใบเสร็จ รับสติกเกอร์ส่วนลดสูงสุด 15% 1 แผ่น ช้อปครบ 1,200 บาท/ใบเสร็จ รับสติกเกอร์ส่วนลดสูงสุด 20% 1 แผ่น เป็นต้น โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ – 10 ก.ย.นี้
สำหรับผลประกอบการของบริษัทใน 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% มีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันได้เดินหน้าขยายสาขาในแต่ละพื้นที่เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น
โดยคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ ท็อปส์จะมีสาขารวมกว่า 730 สาขา ประกอบไปด้วย ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 150 สาขา ท็อปส์ เดลี่กว่า 520 สาขา ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์กว่า 10 สาขา และ มัทสึคิโยะกว่า 25 สาขา โดยบริษัทมีแผนขยายและอัปเกรดสาขาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 100 สาขาต่อปี
อย่างไรก็ดี บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจเฉลี่ย 8% ต่อปี (CAGR) ตลอดระยะเวลา 4 ปี ( ปี 2567 - 2570) โดยมุ่งสู่การเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 1,000 แห่ง ภายในปี 2570 และเพื่อตอกย้ำการเติบโตของธุรกิจในทศวรรษที่ 3 โดยท็อปส์พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร ภายใต้วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” พร้อมวางแผนการลงทุนในปีนี้ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 1,600 ล้านบาท ภายใต้ 4 กลยุทธ์หรือ T-O-P-S ได้แก่
T - Truly World Class : เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าและแตกต่าง ด้วยสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 80 ประเทศทั่วโลก รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกร พร้อมกิจกรรมการตลาดใหม่ๆ
O - Omni-Channel : สร้างประสบการณ์ช้อปสะดวกแบบไร้รอยต่อ แบบ Whenever, Wherever ผ่านช่องทางออมนิแชแนล แบบครบครันทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบมี หน้าร้าน (Brick & Mortar store) ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล เชื่อมต่อประสบการณ์ ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ทั้งช่องทางการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มดิลิเวอรีรายใหญ่ของประเทศ ท็อปส์ ออนไลน์ บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือ Personal Shopper รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอย่าง Tik Tok เป็นต้น
P – Pleasure : สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งสินค้าที่ดีที่สุดกับ 14 กลุ่มสินค้า (14 Wonders) อาทิ สินค้าผักและผลไม้ (Fruits & Vegs) คุณภาพดี มีให้เลือกหลากชนิด, ขนมขบเคี้ยว (Snackers) หลากหลายรายการ มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น, ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Wine & Spirits) นำเข้าตรงจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีจากทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงสินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม Only at Tops รวมกว่า 300 รายการ พร้อมการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ AI โซลูชัน ที่ทันสมัย สอดรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลง
และ S – Sustainability : ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของท็อปส์ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยสนับสนุนให้คู่ค้าและลูกค้าคนสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมในการทำให้โลกน่าอยู่และยั่งยืนด้วย
หน้า 15 ฉบับที่ 4,024 วันที่ 5 - 7 กันยายน พ.ศ. 2567