KEY
POINTS
นายธนิศร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในอนาคตของแม็คโครยังมีแนวทางที่จะช่วยให้กลุ่มธุรกิจโฮเรก้า (HoReCa) ประกอบด้วยกลุ่มโรงแรม, ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง ซึ่งเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารมีมูลค่ารวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” ในฐานะผู้นำอาหารสด พร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการร้านอาหารให้มีความแข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันในระดับสากลได้
โดยให้กลุ่มธุรกิจโฮเรก้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem เพื่อจะเดินหน้าสู่การเป็นธุรกิจที่ทำเรื่อง Omni-Channel ผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งเป้าหมายสัดส่วนการขายออนไลน์และออฟไลน์จะเป็น 50:50 ในอนาคต สำหรับแนวทางการพัฒนาด้านออนไลน์ คือ ทำให้แพลตฟอร์มตอบโจทย์ผู้ประกอบการและลูกค้าทั่วไปได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ออฟไลน์ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุกที่จะมาสาขา
"เราอาจเพิ่มบูธชิมอาหาร หรือสร้างกิจกรรมและแคมเปญสนุกๆ ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อให้แม็คโครเป็นห้างที่ครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงสร้างสีสันให้วงการเชฟของไทยก้าวไกลสู่ระดับสากล และตอกย้ำการเป็นผู้นำอาหารสดที่มีวัตถุดิบคุณภาพของไทย และจากทั่วทุกมุมโลก ที่สามารถนำมาต่อยอดสร้างสรรค์เมนูใหม่ สร้างอาชีพและรายได้ พร้อมแข่งขันในตลาดได้ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง"
ยุทธศาสตร์ทั้งหมดของแม็คโคร สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารในประเทศ มุ่งเน้นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ ทั้งด้านความสะดวกสบาย คุณภาพ และประสบการณ์ที่ดี ขับเคลื่อนธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสู่ยุคดิจิทัล เพื่อผู้ประกอบการและลูกค้าแบบครบจบในที่เดียว
นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจแม็คโครประเทศไทย กล่าวในงานมหกรรมธุรกิจอาหารในประเทศไทย ครั้งที่ 17 ถึงเรื่อง “เมกะเทรนด์ร้านอาหาร” ว่า การทำธุรกิจในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็ว มีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นและส่งผลต่ออุตสาหกรรมอาหาร ดังนั้น ผู้ประอบการจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่จะรับมือ และปรับตัวให้ทันต่อความท้าทายต่างๆ ดังนี้
1. เทรนด์ Ready to Cook (RTC) หรืออาหารพร้อมปรุง กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่มีการขยายสาขาเพิ่ม ต้องการให้อาหารมีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันทุกจาน ลดเวลาในการทำอาหาร ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ชอบความสะดวกสบาย อาหารคุณภาพสูง และรสชาติดี
2. เทรนด์การใช้โซเชียลมีเดียให้เข้าถึงลูกค้า จากข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทย พบว่า มากกว่า 3-4 ชั่วโมงต่อวัน ใช้เวลาบนโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงในคนไทย คือTikTok มีผู้ใช้งานสูงถึง 47.5 ล้านคน เฉลี่ยเปิดดู 13 ครั้งต่อวัน ทำให้แพลตฟอร์มนี้กลายเป็นช่องทางหลักในการค้นหาร้านอาหารและเมนูใหม่ๆ โดยเทคนิคการทำตลาด คือ ต้องเริ่มทำคอนเทนต์ที่ดึงดูดลูกค้า สั้น เร็ว ใช้แฮชแท็กยอดนิยมเวลาลงคลิป และเล่าเรื่องให้โดนใจ ทำให้คนดูอยากติดตาม
3. เทรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพ คนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องปรับตัว และพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในด้านความอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
4. เทรนด์ยกระดับเมนูอาหารทั่วไปให้มีความแตกต่าง ความหลากหลายของอาหารเข้ามามีบทบาทสำคัญ ผู้บริโภคชาวไทยยอมจ่ายมากกว่า เพื่อได้รับประสบการณ์อาหารที่ต่างไปจากเดิม แม้จะเป็นเมนูที่คุ้นเคย และเริ่มเปิดใจรับประทานอาหารจากวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้น ทำให้เห็นร้านอาหารสไตล์สเปน ฝรั่งเศส และอาหารนานาชาติอื่นๆ เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง