ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (Queen Sirikit National Convention Center - QSNCC) ประกาศความพร้อมสู่การเป็น “ที่สุดของอีเวนต์แพลตฟอร์ม” (The Ultimate World Class Event Platform for All) เผยทัพงานไมซ์ระดับอินเตอร์ให้ความสนใจยืนยันย้ายสถานที่จัดงานจากต่างประเทศมาสร้างอีเวนต์โปรไฟล์ใหม่ ณ ศูนย์ฯ สิริกิติ์ มั่นใจสามารถช่วยยกระดับภาพลักษณ์ธุรกิจอีเวนต์ไทยสู่ความเป็นผู้นำในเอเชีย
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) มูลค่าการลงทุน 15,000 ล้านบาท หลังจากปิดปรับปรุงไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่พร้อมจะกลับมาเปิดบริการในวันที่ 12 กันยายน 2565 โดยใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า
การกลับมาของศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่ พร้อมด้วยศักยภาพที่จะรองรับการจัดงานในทุกรูปแบบและผู้ใช้บริการทุกไลฟ์สไตล์ เราคาดว่ามีผู้เข้าใช้บริการมากกว่า 13 ล้านคนต่อปี เพิ่มจากช่วงก่อนปิดปรับปรุงที่มีผู้เข้าใช้บริการ 6 ล้านคนต่อปี ด้วยความตั้งใจว่าเราจะไม่ใช่เป็นเพียงศูนย์ประชุม แต่จะก้าวเป็นที่สุดของอีเวนต์แพลตฟอร์ม เราเชื่อมั่นว่าจะมีรูปแบบและโปรไฟล์อีเวนต์ใหม่ๆ เข้ามาจัดงานที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและยกระดับธุรกิจอีเวนต์ของไทยให้มีศักยภาพในระดับสากล
บริษัทฯ มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาศูนย์ฯ สิริกิติ์แห่งนี้ ให้เป็นพื้นที่ที่สร้างผลเชิงบวกให้กับคนไทยทั้งประเทศ นำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งธุรกิจอิเวนต์ โรงแรม ศูนย์การค้า ระบบขนส่งสาธารณะ ที่ต่างได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ ด้วยจำนวนของผู้จัดงานและผู้เยี่ยมชมงานที่จัดขึ้นภายในศูนย์ฯ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และเกิดการจัดจ้างที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดคุณค่ากับชุมชนโดยรอบ ซึ่งสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้ได้หลากหลายรูปแบบ
ด้วยเป้าหมายของการเป็นมากกว่า “ศูนย์การประชุม” และรองรับงานมากกว่า “ไมซ์” (MICE) ศูนย์ฯ สิริกิติ์ โฉมใหม่ จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบพื้นที่ให้มีความยืดหยุ่นรองรับการจัดงานทุกรูปแบบได้พร้อมๆ กันและเอื้อต่อการจัดการด้านโลจิสติกส์และขนย้ายสินค้าจัดแสดงทุกประเภท พร้อมเชื่อมตรงกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRTเข้าสู่พื้นที่จัดงาน นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล
ด้วยศักยภาพของศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่ จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดงานระดับอินเตอร์ นำอิเวนต์โปรไฟล์ใหม่ๆ จากหลากหลายประเทศ เข้ามาจัดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก อาทิ
นอกจากงานดังกล่าวแล้ว ยังมีงานอีเวนต์ทั้งในและต่างประเทศ คอนเฟิร์มมาจัดงานที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์กว่า 160 งาน ตั้งแต่ศูนย์ฯ เปิด จนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งมีทั้งงานไมซ์ (MICE) และงานไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นงานคอนเสิร์ต อย่าง “T-Pop Concert Fest” รวมศิลปินเพลงป๊อปแนวหน้าชั้นนำของไทย เช่น พีพี บิวกิ้น, ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป “4EVE”, โบกี้ ไลอ้อน ในวันที่ 29-30 ตุลาคม 2565
งานมหกรรมเกมที่ยิ่งใหญ่ทีสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “Thailand Game Show” ในวันที่ 21-23 ตุลาคม 2565 และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ในการเป็นสถานที่จัดงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) ในวันที่ 13-18 พฤศจิกายน 2565
สำหรับราคาค่าเช่านั้นจะสูงกว่าศูนย์ประชุมอื่นรอบนอกเมืองประมาณ 20% เพราะศูนย์ฯ สิริกิติ์ถือว่ามีโลเคชันใจกลางเมือง และเป็นศูนย์ฯ ที่ใหม่และทันสมัยที่สุด ณ ขณะนี้
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ในการก้าวสู่การเป็น The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All คือ พื้นที่โซนรีเทล ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แอคทีฟไลฟ์สไตล์มอลล์” เต็มรูปแบบแห่งแรกของกรุงเทพฯ (BALM - Bangkok Active Lifestyle Mall) บนเนื้อที่กว่า 11,000 ตารางเมตร
BALM จะเป็นตัวสร้างสีสันและเติมเต็มให้กับศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่ใจกลางกรุงเทพ ที่ดึงดูดทุกกลุ่มไลฟ์สไตล์ทั้งในและต่างประเทศ ช่วยให้ย่านพระราม 4 - รัชดา กลายเป็นอีกหนึ่งที่พบปะสังสรรค์พูดคุยและใช้ชีวิตที่เนืองแน่นไปด้วยร้านค้ารีเทลหลากหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านอุปกรณ์กีฬา ร้านขายสินค้าไอที เป็นต้น
เตรียมพบกับประสบการณ์ “ที่สุดของอิเวนต์แพลตฟอร์ม” (The Ultimate World Class Event Platform for All) ครั้งใหม่ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ได้เร็วๆ นี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้คลิ๊กที่นี่