ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

22 ก.ย. 2565 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2565 | 11:42 น.

ททท.บุกตลาดญี่ปุ่นเปิดประเทศ ชูธง Tourism EXPO Japan 2022 จับมือ 7 บิ๊กเอเย่นต์แดนปลาดิบ เจาะกลุ่มตลาดใหม่ปั๊มเที่ยวไทย รับญี่ปุ่นเปิดประเทศตั้งเป้าทัวริสต์ญี่ปุ่นเที่ยวไทย ปีนี้ 3.5 แสนคน ปีหน้า 1.25 ล้านคนปี 66 หวังกู้ตลาดคืนกลับมาได้ 70%ของช่วงก่อนเกิดโควิด

หลังญี่ปุ่นปิดประเทศมากว่า 2 ปี 9 เดือนขณะนี้ได้ทยอยเปิดประเทศ และตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมนี้ญี่ปุ่นจะยกเลิกการจำกัดจำนวนคนเข้าประเทศที่ปัจจุบันกำหนดไว้ 50,000 คนต่อวัน, อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้เอง ไม่ต้องผ่านบริษัททัวร์ และไม่ต้องขอวีซ่า (สำหรับผู้มาเที่ยวระยะสั้น)

 

ททท.จึงนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย 10 รายเข้าร่วมงาน Tourism EXPO Japan 2022 (TEJ) ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายน 2565  ณ ศูนย์นิทรรศการ Tokyo Big Sight กรุงโตเกียวซึ่งมีงานนี้มีผู้ประกอบการต่างประเทศรวมสายการบินจาก 63 ประเทศเข้าร่วมงาน

 

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

โดยในวันที่ 22-23 ก.ย.65 จะเป็นงานสำหรับเจรจาธุรกิจ (Trade & Press Day) ระหว่างผู้ซื้อในตลาดญี่ปุ่นและผู้ประกอบการไทย และวันที่ 24-25 กันยายน 2565 จะเป็นงานสำหรับให้ประชาชนทั่วไปร่วมงานได้ (General Public Day) คาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 200,000 คน

 

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

 

รวมถึงภายในงานนี้ททท. จับมือ 7 เอเย่นต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ในญี่ปุ่น เพื่อร่วมส่งเสริมการขายแพ็คเกจมาไทย อีกทั้งททท.ยังได้เน้นโปรโมทท่องเที่ยวไทยในตลาดญี่ปุ่นภายใต้แนวคิด “THAILAND GREEN TOURISM-Amazing New Chapters” ชูกลยุทธ์ใหม่ ฟื้นตลาดระยะใกล้ พร้อมเปิดตลาดศักยภาพใหม่ Boy Love ( กระแสละครซีรี่ยส์วายไทย) Oya-Rich (ครอบครัวที่มีรายได้สูง)

 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.สำนักงานญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกับ 7 บริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้แก่ HIS, JALPAK, JTB, NOE, TOBU Top Tour, NTA และ AIR TRIP ส่งเสริมการขายภายใต้การเจาะกลุ่มเซ็กเม้นท์ใหม่ที่เรียกว่า “COSMO” ในการสร้าง 5 แพ็กเกจเพื่อขายการท่องเที่ยวเข้าไทย ภายใต้แคมเปญ “อิมะโคโซะไทยเอะ” หรือ It’s time to go to Thailand ได้แก่

 

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

1. C: Corporate Trip Extension ขยายวันพำนักในไทยของกลุ่มคอร์ปอเรตซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มแรกที่เดินทางมาเที่ยวไทย เช่น เคยไป 5 วัน ททท.จะผลักดันให้เพิ่มอีก 2 วัน โดยมอบสิทธิพิเศษเพื่อสร้างแรงจูงใจ

 

2. O: Older on luxperience  ชวนผู้สูงวัยหรือกลุ่มซีเนียร์ แอคทีฟ ที่ส่วนใหญ่มีอัตราการออมสูงมากให้ไปใช้ชีวิตที่หรูหราและมีความสุขที่เมืองไทย

 

3. S: Solo traveler priverage มอบสิทธิพิเศษในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงอยู่นานและใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

 

4. M: Me & Mom & more friends  ส่งเสริมออกแบบแพ็คเก็จให้ผู้หญิงญี่ปุ่น ไปเที่ยวกับแม่ หรือเพื่อน 2 คนขึ้นไป ททท. มอบสิทธิประโยชน์พิเศษ

 

5. O: Outdoor Sports ข้อเสนอพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เช่น สนามกอล์ฟที่ดี โรงเรียนดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก

 

แคมเปญดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในไทยที่เพิ่มขึ้น ดึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มกำลังซื้อสูง และเพิ่มสัดส่วนคนญี่ปุ่นที่เดินทางเข้าไทยครั้งแรกเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยปิดจุด Pain Point ของททท.ในตลาดญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่คนจะมองว่าไทยเป็นตลาดผู้สูงอายุ มีการใช้เฉลี่ย 6,400 บาทต่อคนต่อวัน ที่ถือว่ายังน้อยกว่าตลาดอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสัดส่วนนักท่องเที่ยวมาซ้ำ77% และเฟิร์ส วิสิท 23%ที่ยังไม่สมดุลกันอยู่ 

 

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

 

ทั้งนี้แพ็กเกจดังกล่าวทั้ง 7 บริษัทจะต้องไปออกแบบการขาย ตามความถนัดของตัวเองในการทำตลาด ซึ่งจะเริ่มขายได้ในเดือนต.ค.หรือไตรมาส4 ปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายแพ็คเกจได้ราว 10,000คน ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเพราะคนญี่ปุ่นไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศมาร่วม 3 ปี หากเปิดประเทศก็อยากท่องเที่ยว 

 

ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีคนญี่ปุ่นเดินทางออกท่องเที่ยวนอกประเทศ 627,302 คน เดินทางมาไทยเป็นอันดับ2 อยู่ที่ 49,150 คน รองจากสหรัฐอเมริกา และมองว่ากรณีเงินเยนมีความผันผวนในระยะสั้นเช่นนี้ ถ้าคนต้องการเดินทางมาเที่ยวอยู่แล้วก็น่าจะไม่มีผลกระทบ และททท.ก็เน้นดึงกลุ่มกำลังซื้อสูง

 

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

 

นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.-20 ก.ย.65 นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางไทยแล้ว 166,709 คน และญี่ปุ่นเพิ่งจะทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวเมื่อ 7 ก.ย.65  โดยเพิ่มโควต้าเข้าญี่ปุ่นทั้งของต่างชาติและคนญี่ปุ่นจาก 2 หมื่นคนต่อวันเป็น 5 หมื่นคนต่อวันและมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย

 

ททท.ตั้งเป้าว่าภายในปีนี้จะดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทยได้ไม่น้อยกว่า 350,000 คน สร้างรายได้ราว 21,000 ล้านบาทจากจำนวนปริมาณที่นั่งโดยสารเครื่องบิน เข้าไทย 1,112,288 ที่นั่ง และในปี 65 ตั้งเป้าไว้ที่ 1,250,000 คน สร้างรายได้ราว 75,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของปี 2562

 

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงโตเกียว เผยว่าในวันที่ 26 กันยายนนี้ประเทศไทยและญี่ปุ่นจะมีความสัมพันธ์ทางการฑูตครบรอบ 135 ปี ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์อันดี ที่คนไทยและคนญี่ปุ่นต่างก็รู้สึกใกล้ชิดกัน

 

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

 

นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศที่มีบริษัทเอกชนของญี่ปุ่นตั้งอยู่จำนวนมากถึง 6,000 บริษัท และยังมีชาวญี่ปุ่นพำนักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากถึง 8 หมื่นคนและต่างมีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่าง
สองประเทศ

 

ผมเชื่อมั่นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายขึ้นเรื่อย ๆ และการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศจะกลับมาคึกคักเหมือนเช่นในอดีต อย่างในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวไทยเยือนญี่ปุ่นมากถึง 1.3 ล้านคน

 

ขณะที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็สนใจเยือนไทยถึง1.8 ล้านคน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวอันเป็นแหล่งรายได้สำคัญของทั้งสองประเทศ

 

ส่วนการทำตลาดท่องเที่ยวของททท.ในตลาดญี่ปุ่นในขณะนี้ ททท.ได้นำเสนอทิศทางของปีท่องเที่ยวไทย 2565-2566 หรือ Visit Thailand Year 2022-2023 : Amazing New Chapters ซึ่งมีความแตกต่างและแปลกใหม่จากในอดีตที่ผ่านมา

 

ขณะเดียวกันที่ผ่านมาสถานเอกอัครราชทูตและหน่วยงานทีมประเทศไทยได้ดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดงานเทศกาลไทยในภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ทั้งในกรุงโตเกียว โอซากา นาโงยา เซนได ซิซีโอกะ และฟูกูโอกะ เป็นต้น

 

โดยมีผู้เข้าร่วมงานในแต่ละเมืองเป็นจำนวนมากในทุก ๆ ปี ที่โตเกียวเคยมีผู้เข้าร่วมเกือบ 3 แสนคนในโอซากาและนาโงยาก็มีผู้เข้าร่วมงานถึงหลักแสน

 

งานเทศกาลไทยถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน Soft Power Diplomacy ของไทย ผ่านการนำเสนอวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ใน concept 5F ได้แก่ 1. อาหาร (Food) 2. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3. การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) 4. ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting)และ 5. เทศกาลประเพณีไทย (Festival)

 

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวเสริมว่าตลาดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเป็นตลาดคุณภาพที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีนัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย จากสถิติปี 2562 ประเทศไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นทั้งสิ้น จำนวน 1,787,185 คน สร้างรายได้ 93,759 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้จากปัจจัยสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ประกาศลดระดับการเตือนภัย (Travel Advisory) ให้ประเทศไทย อยู่ในระดับ 1 (เดินทางอย่างระมัดระวัง) ไม่มีเงื่อนไขเรื่องวัคซีน การกักตัวหลังเดินทางกลับ และผ่อนปรนมาตรการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เพิ่มจำนวนผู้เดินทางเข้าเป็น 50,000 คนต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2565

ททท.ลุยรับญี่ปุ่นเปิดประเทศ  ผนึก 7 บิ๊กเอเย่นต์ ปั๊ม 1.25 ล้านคนเที่ยวไทย

 

 

ประกอบกับความต้องการเดินทางของตลาดญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน วันหยุดเทศกาลในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม 2565 และช่วงฤดูหนาวปลายปี และการกลับมาให้บริการเส้นทางประเทศญี่ปุ่นของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เส้นทาง นาริตะ-สุวรรณภูมิ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป

 

เส้นทางฟูกูโอกะ-ดอนเมือง จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในเดือนสิงหาคม 2565 และเตรียมเปิดเส้นทาง ชิโตเสะ (ฮอกไกโด) – สุวรรณภูมิ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเส้นทาง คันไซ-สุวรรณภูมิ จำนวน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในเดือนตุลาคม 2565 

 

รวมถึงศักยภาพของ Soft Power ของประเทศไทย เช่น อาหารไทย เทศกาลประเพณีไทย (เทศกาลลอยกระทง,สงกรานต์) กระแสละครไทย BL Series (Boy Love Series) และดนตรีไทย (T-POP) ที่กำลังได้รับความสนใจจากตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง จะยิ่งช่วยส่งเสริมแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น 

 

นางสาวเรียวโก๊ะ โยเนะโมริ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกส่งเสริมการขายระหว่างประเทศ NTA กล่าวว่า ขณะนี้ญี่ปุ่นก็ทยอยลดข้อจำกัดต่างๆในการเดินทางเข้าประเทศก็ทำให้เรากลับมาทำธุรกิจได้อีกครั้งหลังหยุดไปหลายปี โดยบริษัทจะเน้นขายเมืองใหม่ๆสำหรับตลาดญี่ปุ่น เช่น หัวหิน กิจกรรมที่แปลกใหม่ การท่องเที่ยวแบบลักชัวรี่ 

 

ส่วนเงินเยนที่อ่อนค่าแม้จะทำให้คนญี่ปุ่นตกใจ แต่เชื่อว่าคนรอจังหวะอยู่ถ้าเปิดเดินทางคนญี่ปุ่นก็ยังท่องเที่ยว แม้ว่าขณะนี้เยนอ่อนค่าจะทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินรวมฟิลเซอร์ชาร์จเข้าไทยอยู่ที่ 1แสนเยน จากเมื่อก่อนอยู่ที่ 6-7 หมื่นเยน