ซาอุฯเที่ยวไทยพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โกย 1.2 หมื่นล้าน

27 มี.ค. 2566 | 04:30 น.
อัปเดตล่าสุด :27 มี.ค. 2566 | 04:38 น.

ซาอุฯกลับมาแล้วเที่ยวไทยพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดเป้าปี 2566 แตะ 1.5 แสนคน สร้างรายได้ท่องเที่ยวกว่า 12,000 ล้านบาท แรงหนุนจากการเจรจาปรับปรุงสิทธิการบินระหว่าง 2 ประเทศ ททท.เปิดตลาดเชิงรุกขยายโอกาสไปยังเมืองขนาดใหญ่ ด้านธุรกิจโรงแรมตีปีกรับบุ๊กกิ้ง

การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ผ่านมากว่า 1 ปีจนถึงปัจจุบัน ส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวของไทยอย่างชัดเจน หลังจาก 32 ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียไม่อนุญาตให้พลเรือนเดินทางมายังประเทศไทยสำหรับการท่องเที่ยวแต่อนุญาตให้เดินทางเฉพาะเพื่อการรักษาพยาบาล การติดต่อเจรจาธุรกิจ/ราชการเท่านั้น

นักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียตลาดดาวรุ่งท่องเที่ยวไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ททท.ให้ความสำคัญในการทำตลาดเชิงรุกสำหรับนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากเป็นตลาดดาวรุ่ง (Emerging Markets) ที่มีกำลังซื้อสูง และเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่ นิยมเดินทางมาประเทศไทยเพื่อใช้บริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และรักษาพยาบาล จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา พังงา และกระบี่

ยุทธศักดิ์ สุภสร

ทั้งนี้ในปัจจุบันการบินไทย เเละสายการบิน Saudia ให้บริการเที่ยวบินตรงมาไทย จากเมืองริยาด เเละเจดดาห์ และมีเที่ยวบินต่อเครื่องในตะวันออกกลาง โดยสายการบินเอมิเรสต์ กาตาร์ แอร์เวย์ส และเอทิฮัด แอร์เวย์ส

ซาอุฯเที่ยวไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทำให้ในปี 2565 ไทยมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย 96,389 คน ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างรายได้มากกว่า 8,000 ล้านบาท และทิศทางยังแรงต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-12 มี.ค.2566 มีนักท่องเที่ยวซาอุฯ เดินทางเข้าไทยเเล้ว 20,693 ราย

สำหรับในปี 2566 ททท.คาดการณ์เป้านักท่องเที่ยวซาอุฯ อยู่ที่ราว 150,000 คน ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อทริป รายละประมาณ 80,000 บาท คาดว่าจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 12,000 ล้านบาท 

จำนวนนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียเที่ยวไทย

ทั้งนี้ มีปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเจรจาปรับปรุงสิทธิการบินของไทยและซาอุดีอาระเบีย ที่กำหนดเพิ่มเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสาร จากเดิมฝ่ายละ 9 เที่ยว/สัปดาห์ เป็นฝ่ายละไม่เกิน 42 เที่ยว/สัปดาห์

เที่ยวบินเข้าไทยพุ่งหลังปรับปรุงสิทธิการบินไทย-ซาอุ

ประโยชน์ในการปรับปรุงสิทธิการบิน จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้การบินทั้ง 2 ฝ่าย มีความคล่องตัว เพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนการตลาดให้การบริการเกิดความคุ้มทุนมากขึ้น และอำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารด้วย

โดยมีกำหนดเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางเจดดาห์-กรุงเทพฯ ของสายการบิน Saudia ในเดือนมี.ค.นี้ จาก 7 เที่ยว เป็น 11 เที่ยว/สัปดาห์ กำหนดการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ โดยสายการบิน Saudia เส้นทาง เจดดาห์-ภูเก็ต ในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้

ททท.เน้นทำตลาดเชิงรุก

นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับการทำตลาดททท.จะเน้นทำตลาดเชิงรุกทั้งในระดับ B2B และ B2Cโดยในเดือนพ.ค.นี้ จะจัดกิจกรรม Post ATM Road Show to Jeddah -Riyadh-Dammam ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ค.2566 ณ เมืองเจดดาห์, กรุงริยาด และเมืองดัมมัม เปิดรับสมัครเอกชนไทย 60 ราย กระตุ้นการขายการท่องเที่ยวในช่วงหลังเดือนรอมฎอน (ปลายมี.ค.-เม.ย. 2566)

โดยมองเป้าหมายขยายโอกาสทางการตลาดไปยังเมืองขนาดใหญ่ต่างๆ ในซาอุดีอาระเบีย และต่อยอดจากการเข้าร่วมงาน Arabian Travel Mart 2023 ระหว่างวันที่ 1-4 พ.ค.66 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รวมทั้งยังมีแผนร่วมงานกับสายการบิน Saudia และการบินไทย ซึ่งให้บริการเที่ยวบินตรง โดยจัดกิจกรรมเสนอขาย Joint Sales Promotion ผ่านช่องทาง Online & Social Media ภายใต้แนวคิด WHY Thailand นำเสนอประเทศไทยในมุมมองใหม่ เพื่อเจาะกลุ่ม Arab Millennials & FIT และกิจกรรม Agents / Influencers Fam Trip สร้างการรับรู้และความคุ้นเคยกับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย

อีกทั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566 ทางซาอุดีฯ มีการประกาศจัดตั้งสายการบินแห่งชาติแห่งใหม่ ในชื่อ Riyadh Air ดำเนินงานโดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (PIF หรือ Public Investment Fund) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดมายังไทยในอนาคตเพิ่มขึ้นอีกด้วย

Riyadh Air

ธุรกิจโรงแรมตีปีกรับบุ๊กกิ้งนักท่องเที่ยวซาอุ

ด้านนายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา มีนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียเดินทางเข้ามาพักเพิ่มขึ้น จากเดิมที่แทบจะไม่มีเลย ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง 

ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์

โดยส่วนใหญ่จะเข้าพักโรงแรมที่กรุงเทพฯและภูเก็ต เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นตลาดดาวเด่นในกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง ที่เข้ามาเสริมกลุ่มตลาดยุโรปโดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซัน