โควิดเป็นโอกาสตั้งสายการบินใหม่
นายพาที สารสิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน Really Cool Airlines (เรียลลี คูล แอร์ไลนส์) เปิดใจกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การกลับมาตั้งสายการบินใหม่ไม่ได้ทำเพื่อความสนุก แต่ตั้งใจทำจริงและมองเห็นโอกาสถ้าไม่คิดว่าทำกำไรได้ก็คงไม่กลับมา ซึ่งเวลานี้เป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะโควิดทำให้ธุรกิจการบินทั่วโลกกลับมารีเซ็ทใหม่ การกลับเข้าสู่ธุรกิจนี้ผมเริ่มจากศูนย์และไม่ได้มาจากติดลบ เหมือนธุรกิจสายการบินที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้วเดิม ที่มีหนี้เยอะมากจากผลกระทบโควิด-19
นี่คือเหตุผลหลักที่ผมกลับมา ถ้าไม่มีโควิดก็กลับมาทำหรอก ขี้เกียจ ไปทำอย่างอื่น สบายใจกว่า ทั้งยังมองว่าการตั้งสายการบิน เป็นธุรกิจโลจิสติกส์ที่ช่วยสร้างรายได้ในธุรกิจด้านฮอสพิทาลิตี้ให้กับประเทศไทยให้กลับมาแข็งแรง เราสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทย โดยไม่ต้องไปยืมจมูกคนอื่น เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ
ธุรกิจการบินจะเป็นช่วงขาขึ้น 12 ปี
อีกทั้งในขณะนี้ยังเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจการบินของโลก เราจะเห็นสายการบินต่างๆเริ่มกลับมาทำกำไรแล้วหลังโควิด จากดีมานด์ความต้องการในการเดินทางที่มีมากกว่าซัพพลาย ตั๋วเครื่องบินราคาสูง และจะเป็นอย่างนี้ไปอีก 12 ปี ไม่ใช่เหมือนกับที่บางคนคิดว่าจะเป็นขาขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้แล้วจะกลับมาเหมือนเดิม
เพราะในขณะนี้เมื่อดีมานด์การเดินทางมีสูงมาก แต่เครื่องบินยังไม่สามารถกลับมาเท่าเดิมได้ เนื่องจากการนำเครื่องบินที่เคยจอดทิ้งไว้กว่า 2-3 ปี ต้องใช้เงินเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องบินให้กลับมาบินได้ใหม่ ซึ่งสายการบินต่างๆไม่เพียงมีปัญหาการขาดทุนสะสมจากผลกระทบโควิด-19 เท่านั้น
แต่ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศ (MRO) ก็มีคิวแน่นมาก ประกอบกับกำลังแรงงานในการซ่อมบำรุงและผลิตเครื่องบินออกสู่ตลาดก็มีทำได้น้อยกว่าเดิมมาก จากจำนวนแรงงานที่หายไปในช่วงโควิดกว่า 3 ปี วันนี้การสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ ต้องรอถึงปี 2571-2572 กว่าจะได้รับเครื่องบินใหม่
ทำให้ทุกคนมองที่จะต้องเช่าเครื่องบินมาใช้ก่อน เพราะใช้เงินน้อยกว่าได้เครื่องบินมาทำการบินเพื่อสร้างรายได้ที่เร็วกว่า นี่เองทำให้การเช่าเครื่องบิน การเช่าเครื่องบินก็ไม่ง่าย แต่ผมมีคอนเนคชันที่จะหาเช่าเครื่องบินมาทำธุรกิจได้ เพราะอยู่ในแวดวงเอวิเอชั่นมาโดยตลอด
ประกอบกับจากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจการบินมานาน และประสบการณ์ที่ได้จากโควิด-19 ทำให้เรารู้ว่าธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนมาก และไม่รู้ว่าไครซิสจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นการกลับมาในธุรกิจสายการบินของผมจะไม่ใช่การทำธุรกิจการบินที่เหมือนเดิม
เปิดโมเดลธุรกิจไม่เหมือนใคร
แต่เรามีกลยุทธ์และโมเดลในการทำธุรกิจแตกต่างในการสร้างรายได้ให้ธุรกิจอย่างมั่นคง เพื่อรองรับการผันผวนในธุรกิจการบิน เพราะเรารู้ว่าเราจะไม่ใส่ทุกอย่างในตะกร้าใบเดียวแน่นอน เพราะตะกร้าใบเดียวเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุดโดยเฉพาะสายการบิน เพราะถ้าบินไม่ได้ ก็เจ๊ง
โมเดลการดำเนินธุรกิจของ Really Cool Airlines เราจะไม่ได้ทำแค่ธุรกิจสายการบินที่ดำเนินการโดยบริษัท อาร์ ซี แอร์ไลนส์ จำกัดเท่านั้น แต่เราจะสร้างให้บริษัทอาร์ซี เป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ที่ทำโปรดักต์ต่างๆ ที่มาลิงก์กับสายการบิน โดยไม่จำเป็นต้องบินแต่ทำกำไรได้ และกำไรต้องเท่ากับรายได้จากธุรกิจการบินด้วย ไม่ใช่ขายน้ำหนักกระเป๋า ขายประกันภัย เหมือนที่หลายสายการบินขายกันอยู่เป็นรายได้เสริมเล็กๆน้อยๆเหมือนกันหมด
ดังนั้นการดำเนินธุรกิจเราจะทำให้บริษัทอาร์ซี เป็น โกลเบิ้ล คอมพานี ไม่ใช่ โลคัล คอมพานี เราจึงมี บิสิเนส โมเดล ที่จะแบ่งออกเป็น 2 ขา ขาแรกจะเป็น ธุรกิจสายการบิน ส่วนอีกขาจะเป็นการแยกธุรกิจออกมา 3-4 อย่าง เพื่อพัฒนาเป็นโปรดักต์และเซอร์วิส ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเอวิเอชั่น แต่เราจะมองเห็นโอกาสในการทำกำไร เพื่อสร้างอีโค ซิสเต็ม (ระบบนิเวศ) ในการขายสินค้าและบริการ ที่สามารถซิ้งค์กลับมาทำรายได้ในส่วนของธุรกิจการบิน ที่แม้ไม่ได้บินก็สร้างรายได้ได้ ใช้งบลงทุนราวพันล้านบาท
การจะไปสู่จุดนี้ได้ผมจึงได้สร้างธุรกิจสายการบินขึ้นมาก่อน โดยใช้ชื่อว่าแบรนด์ว่า Really Cool Airlines ซึ่งเป็นแบรนด์ที่คนเข้าใจแม้จะอายุ 16 ปีไปจนถึง 80 ปี ไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำตลาด หรือถ้าจะใช้งบในการทำตลาดก็ต่ำมาก เพราะชื่อแบรนด์มันสื่อในตัวอยู่แล้วและเป็นแบรนด์ที่ประเทศไหนในโลกนี้ก็เข้าใจ
เรียลลี คูล สายการบินที่อินโนเวทีฟมากที่สุดในโลก
เราต้องทำสายการบินของเราให้เท่ โดยตั้งใจจะเป็นสายการบินที่อินโนเวทีฟมากที่สุดในโลก โดยผมทำงานวันละ 14 ชั่วโมง ทำเรื่องเกี่ยวกับ AI และอินโนเวทีฟ อาทิ เราจะเป็นสายการบินแรกของโลกที่ส่งกระเป๋า แบบ door to door หรือประตูถึงประตูเลย เป็นต้น
เราทำให้แบรนด์เราเป็นที่คนทั่วโลกเข้าใจในเวลาอันสั้นผ่านธุรกิจสายการที่บินที่คนมีความสนใจ ซึ่งในวันที่เราเปิดตัวสายการบิน คนทั่วโลกก็รู้จัก เพื่อให้ต่อไปแบรนด์นี้จะสามารถนำไปใช้ในการสร้างโปรดักต์์และเซอร์วิสที่จะใช้ได้กับทุกธุรกิจที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยเราจะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโปรดักต์ที่จะเกิดขึ้นในประเทศต่างๆและขายไปทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรที่สิงคโปร์ เปิดตัว ReallyCool US ซึ่งเป็นโปรแกรมสมาชิกดิจิตอลแรกของโลกในอุตสาหกรรมการบิน ต่อไปก็มองการทำ Really Cool Cargo การร่วมกับญี่ปุ่นทำ Really Cool Taxi หรือแม้แต่ Really Cool Medical ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราใช้ AI เข้ามาด้วย การขายโปรดักต์ต่างๆ จะมีวิธีการทำให้เด่น แปลก และฉีกจากตลาด เพื่อทำให้เรามีรายได้จากตะกร้าที่จะเข้ามาได้หลายใบ เพื่อรองรับการผันผวนในธุรกิจการบินได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ใบเดียว
สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งสายการบิน ปัจจุบันสายการบินอยู่ระหว่างขอ ใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC) ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะ 3 แล้ว คาดว่าจะได้รับ AOC ภายในเดือนม.ค.ปี 2567 จากนั้นสายการบินจะเริ่มทำการบินได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า โดยจะเริ่มทำการบินแบบชาร์เตอร์ไฟล์ตก่อนในเดือนมี.ค.ปีหน้า และจะเริ่มบินประจำในช่วงเดือนเม.ย.หรือมิ.ย.ปีหน้า
โดยช่วง 2 ปีแรกจะบินในเส้นทางเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น,ฮ่องกง, สิงคโปร์,จอร์เจีย,เซี่ยงไฮ้ ด้วย เครื่องบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 4 ลำ เริ่มจาก 2 ลำก่อน เริ่มจากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเป็นเส้นทางบินแรก และจะรับมอบเพิ่มอีก 2 ลำในสิ้นปี จากนั้นในปี 2568 จะทำการบินสู่ยุโรป ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A350 ที่จะเริ่มต้นที่ 1-2 ลำ
โดยทั้งหมดเป็นเครื่องบินเช่า เน้นตลาดต่างชาติ 70% คนไทย 30% ซึ่งเป้าหมายหลักเราจะเน้นบินในเส้นทางบินระยะไกลโดยเฉพาะยุโรป เราไม่ได้เข้าไปแข่งกับการบินไทย แต่เข้าไปเสริมให้เกิดการดึงต่างชาติเข้าไทย และธุรกิจของเราก็จะเป็นคนละตลาดกับสายการบินสัญชาติไทยรายอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างจัดตั้งสายการบินใหม่ด้วย อาทิ P 80 Air
ด้วยโมเดลนี้เราใช้งบลงทุนราวมั่นใจว่าจะคืนทุนได้ภายใน 1 ปีครึ่ง หรือ 18 เดือน หรืออาจเร็วกว่านั้น ก็มีกำไรแล้ว และเรามองไกลไปถึงการนำบริษัทอาร์ซี เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ด้วย ซึ่งจากวิธีการบริหารที่ผมทำเป็น การกลับมาสู่ธุรกิจการบินของผมไม่เจ๊งแน่นอน ไม่งั้นไม่กลับมาทำหรอกเสียเวลา
ส่วนที่มีบางคนจะปรามาสกรณีเคยบริหารนกแอร์แล้วขาดทุน ก็อยากบอกว่าสมัยที่ผมทำนกแอร์ ใครกันแน่ที่ทำให้ขาดทุน ตอนผมทำขาดทุนไปไปแค่ 2 ปีเพราะตลาดผันผวน แต่ตอนที่ผมทำให้นกแอร์มีกำไรมา 5 ปีติดต่อกันจนนำนกแอร์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ คนก็ไม่จำ นายพาที กล่าวทิ้งท้าย