การยกระดับภูเก็ตให้เป็นเมืองระดับโลก ภายใต้การขับเคลื่อนของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ไม่เพียงจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก และอากาศ ภายใต้งบลงทุนกว่า 1.48 แสนล้านบาทเท่านั้น แต่ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดภูเก็ต
ทั้งยังมองถึงการสร้างรายได้ใหม่ เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้หลักจากท่องเที่ยวที่มีสูงถึง 97% ลดความผันผวน กระจายความเสี่ยง และทำให้ภูเก็ตมีการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน หลังจากมีบทเรียนจากโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจของภูเก็ตกระทบหนักมากจากนักท่องเที่ยวที่หายไป
แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในขณะนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนในภูเก็ต กำลังจะผลักดัน 4 โครงการใหญ่ มูลค่าการลงทุนไม่ตํ่ากว่า 5 พันล้านบาท เพื่อรองรับเป้าหมายการขับเคลื่อนภูเก็ตใน 4 ด้าน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่เป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง ได้แก่
1.การสร้างให้ภูเก็ตเป็นช้อปปิ้งเดสติเนชั่น มีการหารือถึงความผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี ซิตี้) ซึ่งล่าสุดพบว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง สภาหอการค้าฯ และการท่องเที่ยวฯ เดินหน้าการจัดทำดิวตี้ ฟรี ซิตี้ อีกครั้ง โดยใช้จังหวัดภูเก็ต เป็นพื้นที่นำร่อง เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก และมีความพร้อมรอบด้าน
อย่างไรก็ดี จากการสอบถามผู้ประกอบการหลายราย พบว่า หากรัฐบาลจะผลักดันให้ภูเก็ต เป็นเมืองดิวตี้ ฟรีนั้น มีความเป็นไปได้สูง เพราะมีความเหมาะสมและมีความพร้อม แต่ต้องมีการกำหนดรูปแบบและเข้าใจถึงพฤติกรรมนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติด้วย
ทั้งนี้มีการยก “ไห่หนาน โมเดล” เป็นต้นแบบในการทำ Duty Free City ในไทย หรือแม้แต่การทำเมืองปลอดภาษีของประเทศมาเลเซีย แต่ยังต้องศึกษาถึงความเหมาะสม และมีกำหนด เงื่อนไขที่ชัดเจน ซึ่งหากประเทศไทยทำได้ จะส่งผลดีอย่างมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและช้อปปิ้งในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
2. การผลักดันให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ระดับโลก (Medical & Wellness Hub) ในโครงการเมดิคัล พลาซ่า ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้มอบให้กระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ใช้ดำเนินโครงการดังกล่าว
3. การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) โดยจะพัฒนาให้เกิด Sport Complex ของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
4.การเป็นเมืองศูนย์กลางของการท่องเที่ยวทางทะเล (Marina Hub) ที่ภาคเอกชนอยู่ระหว่างการลงทุนโครงการ “พอร์ต มัจฉานุ” โดยจะเปิดให้บริการอู่ซ่อมเรือยอร์ชและซุปเปอร์ยอร์ช รวมถึงท่าจอดเรือซุปเปอร์ยอร์ช จำนวน 70 ลำ บนพื้นที่ 100 ไร่ บริเวณต.ไม้ขาว จ.ภูเก็ต มูลค่าการลงทุนราว 2 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นอู่ซ่อมเรือยอร์ชและท่าจอดเรือซุปเปอร์ยอร์ชที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพื่อขับเคลื่อนให้ภูเก็ตเป็นมารีฮับของเอเชีย
นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าการผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองปลอดภาษี หรือ Free Trade Port เป็นแนวคิดที่ทีมเศรษฐกิจของหอการค้าไทย หอการค้าจ.ภูเก็ต และเอกชน มีความต้องการที่จะผลักดันในเรื่องนี้ และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และรูปแบบแนวทางการดำเนินงาน ซึ่งมีแนวคิดว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันมีห้างสรรพสินค้าขายของแบบดิวตี้ฟรี รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว ก็มองว่าต่อไปอาจจะจะขยายพื้นที่ออกไปเป็นจังหว้ดภูเก็ตเมืองปลอดภาษีไปเลยสำหรับสินค้าบางประเภท ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่น และจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ภูเก็ต ยังมีแผนพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ต.ไม้ขาวด้วย โดยจะมีทั้งโครงการเมดิคัล พลาซ่า ที่จะประกอบด้วย ศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขครบวงจร ศูนย์อภิบาลผู้สูงอายุ พื้นที่สาธารณะ Ecological Park มูลค่าการลงทุน 1,400 ล้านบาท และยังมีการกันพื้นที่ไว้สำหรับการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติในพื้นที่นี้ด้วย ซึ่งจะต้องมีการผลักดันให้เกิดขึ้น
ขณะที่พื้นที่ตรงข้ามจะเป็นโครงการ Sport Complex ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯครอบครองพื้นที่นี้มานานแล้ว ซึ่งนอกจากการสร้าง Sport Complex แล้ว เราก็อยากให้สร้างมหาวิทยาลัยกีฬา หรือศูนย์นักกีฬานานาชาติขึ้นในพื้นที่นี้ด้วย และเลยขึ้นไปนิด ทางทิศตะวันออกของสะพานสารสิน ก็จะมีโครงการลงทุนมารีน่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วย
ด้านนายก้องศักดิ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาภูเก็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ส่งผลให้ในขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกกท.อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอโครงการ “ Sport Complex” บนพื้นที่ 238 ไร่ติดทะเล บริเวณ ต.ไม้ขาว จ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโครงการศูนย์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ในการส่งเสริมมิติด้านสุขภาพและกีฬา เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬา และดึงดูดนักกีฬาจากทั่วโลกเข้ามาฝึกซ้อมและเก็บตัวรวมถึงหนีหนาวเข้ามาอยู่ในภูเก็ต
ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวกรมธนารักษ์ได้มอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ในขณะนี้เมื่อรัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาภูเก็ต ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯจึงมอบหมายให้กกท.ดำเนินการจัดทำแผนโครงการนี้ เพื่อเสนอครม.ต่อไป โดยภายใน Sport Complex จะประกอบไปด้วยศูนย์กีฬาทางนํ้า ทางทะเล และทางบก มีอินดอร์สเตเดี้ยม จุได้ราวหมื่นที่นั่ง มีบริการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา
โครงการนี้เบื้องต้นใช้เงินลงทุนหลักพันล้านบาท โดยรูปแบบการลงทุนจะมีการเสนอใน 2 ทางแนวทาง คือ 1.ภาครัฐลงทุนและ 2.การหาภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งแนวทางน่าจะเป็นการดึงภาคเอกชนมาร่วมด้วยมากกว่า ซึ่งกกท.ยังจะต้องใช้เวลาจัดทำรายละเอียดโครงการให้แล้วเสร็จ ก่อนจะนำเสนอกระทรวงท่องเที่ยวฯเพื่อนำเสนอครม.ต่อไป