นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “เป้าหมายการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 2567” ในส่วนของเป้าหมายเชิงนโยบายจากรัฐบาล วางเป้าไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.5 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย 1 ล้านล้านบาท
ขณะที่เป้าหมายการทำงานของททท.ตั้งไว้ที่ 3 ล้านล้านบาท เป็นรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.92 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน และรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย 1.08 ล้านล้านบาท จากการเดินทางเที่ยวในประเทศ 200 ล้านคน-ครั้ง
ปี 2567 ททท.จะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ กระจายการท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียม และเดินหน้าสู่ท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้การบูรณาการร่วมเป็นพันธมิตรกับทุกภาคส่วนโดยให้ความสำคัญกับ “การสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่า” ด้วยวัฒนธรรม Soft Power ภายใต้กลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยสินค้าและบริการ ซึ่งเฉพาะเฟสติวัลและอีเว้นท์ก็มีมากถึง 3 หมื่นงานต่อปี
โดยทิศทางส่งเสริมการตลาดในปีหน้า สำหรับ “ตลาดในประเทศ” ททท.จะกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวเมืองไทยบ่อยครั้งและหลากหลายพื้นที่มากขึ้นตลอดทั้งปี หรือ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” ชูความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ของแต่ละภาค ภายใต้แคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” อาทิ ชวนสัมผัส “เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ” ผสานความร่วมสมัย ผ่าน Northern Thailand Soft Power
รวมไปถึงชวนเปิดประสบการณ์อาหารถิ่น และ Michelin Guide ชวนคนไทยเที่ยวอีสาน ผ่าน 20 เมนูแซ่บ จาก 20 จังหวัด
ส่วนภาคตะวันออก ก็นำเสนอคุณค่าประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านเรื่องราว “Story สบ๊ายสบาย Plus” ยืนหนึ่งเรื่องกิน ฟินเรื่องเที่ยว เต็มเหนี่ยวสายมู
หรือหรอยแรง แหล่งใต้ ตอกยํ้าประสบการณ์ท่องเที่ยวหลากหลาย 14 สไตล์ 14 จังหวัด ให้คนไทยเที่ยวภาคใต้ตามสไตล์ตัวเองได้ตลอดทั้งปี เป็นต้น
นอกจากนี้ในปีหน้าททท.ยังโฟกัสส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยจะต้องมาทบทวนการจัดเมืองรองใหม่อีกครั้ง เพราะปัจจุบันในพื้นที่ 55 จังหวัดเมืองรองทั่วไทย บางจังหวัดจะมีนักท่องเที่ยวเกิน 4 ล้านคนจนเข้าสู่การเป็นเมืองหลักไปแล้ว ซึ่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้มอบนโยบายให้ททท. ทุกสำนักงาน กระตุ้นการท่องเที่ยว ต่อยอดเมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน
โดยเน้นชู “365 วัน มหัศจรรย์ เที่ยวเมืองรอง” พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยวเมืองรองมิรู้ลืม ภายใต้แคมเปญสื่อสารตลาดในประเทศ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวออกไปท่องเที่ยวทุกมิติ เริ่มจากแหล่งท่องเที่ยวชุมชน
โดยเน้นร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน “สร้างประสบการณ์ทรงคุณค่า” พร้อมมุ่งนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยตามแนวคิด Soft Power สะท้อนเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของเมืองรองแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ (Meaning Full Travel + Story Telling)
จากการสร้างการรับรู้สู่การเดินทางจริงผ่านประสบการณ์ ภาพจำ ความรู้สึก และรสชาติอาหารท้องถิ่นที่คุ้นเคยเชื่อมโยงกับเรื่องราวบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว สถานที่ ท่องเที่ยว วัฒนธรรม อัตลักษณ์พื้นที่ในเมืองรอง
รวมไปถึงทางหอการค้าไทยที่เตรียมจะยกระดับ “10 เมืองรอง” ให้เป็นเมืองหลัก ซึ่งเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ทั้งมิติการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดย ททท.จะร่วมกับหอการค้าฯ คัดเลือกเมืองรอง 10 จังหวัดขึ้นมาโปรโมตเป็นการนำร่อง มีกำหนดเปิดตัวโครง การดังกล่าวในเดือน ม.ค. 2567 และทางนายกรัฐมนตรีฯ จะเป็นประธานในการแถลงข่าวด้วย
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. พบว่าเมืองรอง 55 จังหวัด มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยว 73.32 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 34.47% ก่อให้เกิดรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยว 169,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.86% เทียบกับปี 2562
โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 2,313 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มขึ้น 3% และคาดว่าตลอดปี 2566 มีรายได้การท่องเที่ยวในเมืองรองเพิ่มขึ้นไม่ตํ่ากว่า 40% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2562 ส่วนปี 2567 จะเติบโต 10-15% จากปี 2566
ส่วน “ตลาดต่างชาติ” ททท.จะมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 5 ทิศทางหลัก ได้แก่
1. เสริมภาพลักษณ์ แบรนด์ท่องเที่ยวไทยด้านความยั่งยืนและใช้เป็นจุดขายใหม่ของไทย
2. เปิดตลาดคุณภาพใหม่ให้เที่ยวไทยทั้งปี เช่น กลุ่มตลาดย่อยในตลาดระยะใกล้ เช่น OYA-Rich Digital Nomad, Workation, Health & Beauty
3. แสวงหาคู่ค้ารายใหม่และขยายความร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ในเวทีโลก เช่น Tourism Cares ของสหรัฐอเมริกา OTA ชั้นนำ หรือ Platform ชำระเงินยอดนิยมต่างๆ
4. ขยายการเดินทางเชื่อมโยงทางบกเข้าถึงไทย เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง ความเร็วสูงจีน-เวียงจันทน์ (ลาว)-ไทย
5. ใช้ Digital Content เสริมพลังทางการตลาด เช่น เกาหลีใต้ ใช้ Virtual influencer คือ น้อง Rozy นำเสนอประสบการณ์เที่ยวไทยชวนนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Y-Z มาเที่ยวไทย
สำหรับตลาดที่เติบโตในปีหน้า ททท.ก็มองว่าตลาดจีนจะกลับมาครองแชมป์เที่ยวไทยสูงสุด ซึ่งในปีหน้าตั้งเป้านักท่องเที่ยวจีนไว้ที่ 8.2 ล้านคน สร้างรายได้ 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.5 ล้านคน สร้างรายได้ 196,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนอกจากตลาดจีนแล้ว ททท.ยังได้บริหารความเสี่ยงโดยการลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่ง
โดยให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวจาก 4 ตลาดหลัก ได้แก่ มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และไต้หวัน การส่งเสริมการเติบโตในตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ เช่น ซาอุดิอาระเบีย กลุ่มประเทศ CIS การกระตุ้นการเติบโตในตลาดศักยภาพ เช่น สหรัฐอเมริกา คาซัคสถาน ประเทศในกลุ่มอาเซียน อาทิ เวียดนาม ลาว
ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า