พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. หรือ AOT เปิดเผยว่าในโอกาสที่ตนได้รับโอกาสให้มาทำหน้าที่ประธานกรรมการฯ (ประธานบอร์ดทอท.) ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากทุกประเทศกำลังเร่งส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวและตลาดทุนจากต่างชาติหลังสถานการณ์โควิด ซึ่งสนามบินถือเป็นประตูบานแรกที่สำคัญในการเปิดรับการเดินทางและการขนส่งของประเทศ จึงมีการแข่งขันเพื่อยกระดับสนามบินของแต่ละประเทศให้ขึ้นแท่นสนามบินที่ดีระดับโลก รวมถึงสนามบินของไทยเราที่มีความได้เปรียบด้านภูมิยุทธศาสตร์ของภูมิภาค
ตนจึงได้ประกาศวิสัยทัศน์ “ยกระดับการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค สู่ประตูการบินของโลก” เพื่อกระตุ้นการขับเคลื่อนให้สนามบินของ AOT ติดสนามบินดีสุดอันดับต้นของโลกให้ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคสู่ประตูการบินของโลก
โดยตั้งเป้าหมายผลักดันการให้บริการสนามบินของ ทอท. ติด 1 ใน 50 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกใน 2 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 77 เป็นหนึ่งในแผนของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคสู่ประตูการบินของโลก
ปัจจัย Key success สู่ความสำเร็จ จะมุ่งเน้นมี 5 ข้อ ได้แก่
โดยนโยบายเร่งด่วน ที่เร่งทำทันที คือ
1.เร่งปรับปรุงพื้นที่ทางกายภาพและระบบอำนวยความสะดวกทั้งระบบในและนอกอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทสภ.และท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ให้พร้อมตอบสนองนโยบายเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติของรัฐบาล
2.การเร่งบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินชั้นนำตามมาตรฐานสากลให้ได้ในปี 2567
ส่วน นโยบายระยะต่อเนื่อง มี Flag Ship Project สำคัญ 4 โครงการ คือ
โดยจะสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิฝั่งทิศเหนือ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 90 ล้านคนต่อปี โดยขณะนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำลังพิจารณาเพื่อเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณต่อไป
ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง ก็มีความคับแคบในขณะที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก จึงจะมีการปรับปรุงก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้าน เป็น 50 ล้านคนต่อปี โดยขณะนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณเรียบร้อยแล้ว
เครื่องเดิมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีอายุกว่า 10 ปี และมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยคาดว่าจะช่วยระบายความหนาแน่นของผู้โดยสารระหว่างประเทศได้คล่องตัวยิ่งขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ
เพื่อรองรับเที่ยวบินเพิ่มจาก 64 เที่ยวบิน เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นอกจากนั้น จะมีการปรับปรุงหลุมจอดที่สนามบินดอนเมือง โดยอยู่ระหว่างการออกแบบและขออนุญาต โดยจะอนุมัติได้ในเดือนธันวาคม 2567 นี้ และจะเริ่มก่อสร้างช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 - ธันวาคม 2573
โดยจะมี 10 ฟังก์ชัน มีทั้งการค้า (Commercial) หรือ AOT Point และฟังก์ชันการบริการ อีก 9 รายการ เช่น ด้าน Check-in, Flight & Baggage, Map & Navigation, Transportation, Airport Service, Shopping, Check Flight & Alert, Help Desk เป็นต้น โดยกำลังพัฒนาฟังก์ชันเกี่ยวกับ Customer Feedback และ Contact Us รวมถึง Queue Time และ Taxi Reservation มาใช้ด้วย รวมถึงยังพัฒนาระบบ Common Use Passenger Processing System หรือ CUPPS มาใช้รองรับการบริการที่สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ด้วย
นอกจากนั้นในเรื่องของการสร้างผลกำไรในฐานะบริษัทมหาชน ก็ให้ความสำคัญกับการสร้างการตลาด เชิงรุกทางการบิน ทั้งการสร้างโอกาสแก่สายการบิน ทั้งการวิเคราะห์ตลาด การเงิน และเส้นทางการบิน รวมถึงให้ความสำคัญกับการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อีกทั้งในอนาคตจะมีสนามบินภูมิภาคโอนจากกรมท่าอากาศยานมาอยู่ในการบริหารของ AOT คือ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานกระบี่ ซึ่งจะต้องมีการร่วมหารือกับทุกฝ่ายทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อยกระดับความสามารถของสนามบินทั้ง 3 แห่ง ให้เป็นประตูบานใหม่ของประเทศที่พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้เข้ามาสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ภูมิภาคดังกล่าวตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย
“เราคาดหวังให้สนามบินของเราเป็น Logistic Hub เป็น Cross Border E-Commerce ด้านการขนส่ง ทางอากาศของภูมิภาคที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยการขับเคลื่อนทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ การบริหารพื้นที่อาคาร การพัฒนาระบบบริการโรงซ่อมขนาดเบาอากาศยาน เป็นต้น ที่สำคัญคือ การพัฒนาต้องอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจ ทั้งคู่ค้า ลูกค้า และคู่แข่ง เพื่อวางกลยุทธ์ให้บรรลุผลสัมฤทธิ์สูงสุด” พล.ต.อ.วิสนุกล่าวทิ้งท้าย