อาเซียนเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของ “เซ็นทารา” ในการขยายธุรกิจโรงแรมไปยังตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก ภายใต้กลยุทธ์ Future Growth ล่าสุดได้เข้าไปปักธงโรงแรมแห่งแรกในประเทศลาว โดยนำ “โคซี่” ซึ่งเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ โฮเทล เข้าไปเปิดที่เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา
นายพศิน นพสุวรรณ ผู้จัดการ ทั่วไปโรงแรมโคซี่ เวียงจันทน์ นํ้าพุ กล่าวว่า การเปิดให้บริการของโรงแรมแห่งนี้ จัดว่าเป็นโรงแรมในเครือเซ็นทาราแห่งแรกที่ประเทศลาว และยังเป็นแบรนด์โคซี่ แห่งแรกในต่างประเทศอีกด้วย
จากปัจจุบันที่โคซี่ เปิดให้บริการอยู่ในประเทศไทย 3 แห่ง คือ สมุย พัทยา กระบี่
โดยโรงแรมนี้มี บริษัท Asia Investment, Development and Construction หรือ AIDC เจ้าของเป็นคนลาว ดำเนินธุรกิจหลายอย่าง อาทิ ก่อสร้าง เทรดดิ้ง ซึ่งมองเห็นโอกาสในการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของลาว จึงได้ ลงทุนกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการสร้างโรงแรมสูง 8 ชั้นโลเคชั่นใจกลางเมือง ที่เรียกว่าย่านนํ้าพุ และดึงแบรนด์โคซี่ของเซ็นทาราเข้ามาบริหารโรงแรมให้
เนื่องจากโรงแรมสไตล์นี้ยังเป็นช่องว่างอยู่ในตลาดโรงแรม เพราะโรงแรมที่ลงทุนในเวียงจันทน์ และดึงเชนบริหารโรงแรมจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร หลักๆก็การลงทุนโรงแรมจะมีโรงแรมใหญ่ระดับ 4-5 ดาว ขนาด 100-200 ห้องรองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ และตลาดไมซ์ อย่างที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมเปิดให้บริการ
อาทิ อวานี, อมารี, เรดิสัน, ดับเบิลทรี บาย ฮิลตัน ส่วนโรงแรมขนาดไม่ใหญ่ ก็มีที่เปิดให้บริการแล้วอย่างไอบิส ซึ่งรูปแบบการให้บริการก็ไม่เหมือนกับโคซี่
ปัจจุบันจะเริ่มเห็นการลงทุนโรงแรมใหม่เพิ่มขึ้น รองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของลาว ซึ่งลาวตั้งเป้าว่าภายในปี 2569 การท่องเที่ยวของลาวจะกลับมาใกล้เคียงกับปีก่อนเกิดโควิด (ปี 2562) นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวลาวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน เกาหลีใต้ และมาเลเซีย หลังจากลาวมีรถไฟความเร็วสูง ก็มีคนจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น
นายพศิน กล่าวต่อว่า การที่เจ้าของโรงแรมเลือกใช้แบรนด์โคซี่ เพราะเหมาะกับคาแร็กเตอร์ของโรงแรม เป็นไลฟ์สไตล์ โฮเทล เน้นการออกแบบทันสมัย รองรับนักเดินทางยุคดิจิทัลผู้รักอิสระ อายุตั้งแต่ 20-40 ปี มีจำนวนห้องพัก 95 ห้อง ใน 3 แบบ คือ โคซี่รูม โคซี่พลัส และโคซี แฟมิลี่ แตกกันที่พื้นที่ในห้องพักที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ 18-39 ตรม.
ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม จึงเน้นบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งจุดเด่นคือ โลเคชั่นดี เพราะที่นี่อยู่ใจกลางเมือง เตียงนอนนุ่มสบายนํ้าแรง Wi-Fi ฟรี มีสมาร์ททีวี มีอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่
อีกทั้งโรงแรมจะไม่มีห้องอาหาร แต่จะมีคาเฟ่ ขายขนมและเครื่องดื่ม ซึ่งลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมจะได้เครดิต 3 ดอลลาร์ต่อวัน เพื่อนำมาแลกเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้ รวมถึงมีพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซ รองรับทั้งลูกค้าของโรงแรม และลูกค้าทั่วไป ให้สามารถมาซื้ออาหารและเครื่องดื่มและนั่งทำงานในพื้นที่นี้ได้ด้วย มีให้บริการตู้ซักผ้าและอบผ้าหยอดเหรียญให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีฟิตเนส แต่มีสระว่ายนํ้าบนชั้นรูฟท็อป มองเห็นวิวเมืองและแม่นํ้าโขง
การให้บริการของพนักงานก็จะเป็นบรรยากาศเหมือนเราเป็นเจ้าของบ้าน มีแขกที่เป็นเพื่อนบ้านมาเที่ยวบ้านเรา โดยมีเราคอยดูแล และแนะนำว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้ ซึ่งมีหลายแห่งท่องเที่ยวรอบโรงแรม อาทิ ประตูไซ วัดศรีสะเกษ หอพระแก้ว ถนนคนเดินตอนกลางคืน
สำหรับการตอบรับของลูกค้าหลังจากเปิดให้บริการโรงแรมมาเพียง 1 เดือน 2 สัปดาห์ ถือว่าดีกว่าที่คาดไว้มาก เปิดมา 1 เดือนพนักงานก็ได้เซอร์วิสชาร์จแล้ว และธุรกิจก็ได้กำไร ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทย คิดเป็นสัดส่วน 60-70% ที่เหลือจะเป็นคนลาว 10% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยลูกค้าในช่วงวีคเดย์ จะเป็นคนที่เดินทางทางเข้ามาทำธุรกิจในลาว ส่วนช่วงเสาร์-อาทิตย์ จะเป็นกรุ๊ปจากหนองคาย หรืออุดรธานี เดินทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เข้ามาเที่ยว และปีนี้โรงแรมอัตราเป้าอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 50%
นอกจากนี้ โรงแรม โคซี่ เวียงจันทน์ นํ้าพุแล้ว เจ้าของโรงแรมอยู่ระหว่างสร้าง 3 โรงแรมใหม่ อยู่หลวงพระบาง 2 แห่ง และสะหวันนะเขต 1 แห่ง (เป็นการลงทุนในนามอีกบริษัทหนึ่ง) ทั้ง 3 โรงแรมอยู่ระหว่างเจรจากับเซ็นทาราว่าจะเลือกใช้แบรนด์ใดรับบริหารโรงแรมให้อีกด้วย