ททท.ไขกลยุทธ์ ปั้มท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ดันรายได้ 3.5 ล้านล้าน

13 ก.ค. 2567 | 14:13 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2567 | 14:13 น.

รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวปี 2567 อยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป้าหมายต่างชาติเที่ยวไทย 36.7 ล้านคน ดังนั้นช่วงที่เหลือของปีนี้ไทย ยังจะต้องดึงดูดต่างชาติเข้ามาเพิ่มอีก 21.7 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้รวมเพิ่มอีก 2.4 ล้านล้านบาท

ปัจจุบันการท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 2567 มีต่างชาติเข้าไทยแล้ว 15  ล้านคน สร้างรายได้ รวม 1.1 ล้านล้านบาท  ดังนั้นช่วงที่เหลือของปีนี้ไทย ยังจะต้องดึงดูดต่างชาติเข้ามาเพิ่มอีก 21.7 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้รวมเพิ่มอีก 2.4 ล้านล้านบาท 

การขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าวของรัฐบาล เป็นปัจจัยท้าท้าย เพราะดูจากเทรนด์การเติบโตที่เกิดขึ้น ในปี 2567 ไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยู่ที่ 35.9 ล้านคน จากเป้าหมายต่างชาติเที่ยวไทย 36.7 ล้านคน โดยหวังให้ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 39.9 ล้านคน ขณะที่ไทยเที่ยวไทย เทรนด์ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 184 ล้านคน-ครั้ง จากเป้าหมายที่ต้องเพิ่มมากกว่า 200 ล้านคน-ครั้งตลอดทั้งปีนี้

แผนกระตุ้นท่องเที่ยวครึ่งหลัง ปี 2568 ของททท.

นี่เองทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องกระตุ้นท่องเที่ยวเต็มสูบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และหวังว่าจะได้รับงบกลางราว 1 พันล้านบาท ที่กระทรวงท่องเที่ยวเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา เพื่อเป็นแรงหนุนในการกระตุ้นตลาดเพิ่มขึ้น 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าแผนกระตุ้นท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ททท.จะเน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ผ่าน 5 กลยุทธ์หลักมัดใจนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงกรีนซีซันนี้ (มิ.ย.-ก.ย. 67) ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ การจัดอีเว้นท์สร้างจุดขายที่จะมีกิจกรรมตลอดทุกเดือน 

อาทิ มิชลินฟู้ด เฟสติวัล (Michelin Food Festival) ครั้งแรกในไทย Summer Sonic Bangkok 2024 วันที่ 24-25 ส.ค.นี้ Rolling Loud Thailand 2024 วันที่ 22-24 พ.ย.นี้ เทศกาล หนีห่าว มันธ์ (Nihao Month) เดือน ต.ค. ร่วมเฉลิมฉลองช่วงหยุดยาววันชาติจีน 1 ต.ค. และโฟกัสการทำตลาดต่างชาติในกลุ่มตลาดดาวฤกษ์ (กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเดินทางเที่ยวไทยสูง) และตลาดรุ่ง (กลุ่มที่มีการเติบโตสูง) ทั้งตลาดระยะไกลและตลาดระยะใกล้ มุ่งเป้ารวม 34 ล้านคนเที่ยวไทยในปีนี้

โดยแนวทางกระตุ้นตลาดต่างประเทศ ระยะไกล จะเน้นเพิ่มเที่ยวบินตรง และกระตุ้นการใช้จ่าย ในตลาดรัสเซีย คาซัคสถาน การส่งเสริมการขายช่วงออฟพีค และ วินเตอร์ ฮอลิเดย์ ในตลาดสหราชอาณาจักร การกระตุ้น การเดินทาง และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ในตลาดฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี การเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ให้อยู่ไทยนานวันขึ้น ในตลาดเดนมาร์ก การสร้างการรับรู้และกระตุ้นการขาย เที่ยวบินประจำและเช่าเหมาลำ ในตลาดโปแลนด์ 

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

 

ส่วนแนวทางกระตุ้นตลาดต่างประเทศระยะใกล้ อาทิ ส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว ในตลาดจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย การเพิ่มเที่ยวบิน/เส้นทางบิน กระตุ้นการเดินทางกลุ่มใหญ่ ในตลาดอินเดีย การกระตุ้นการเดินทางร่วมกับสายการบิน เน้นกลุ่มศักยภาพ และเพิ่มการใช้จ่าย 

สำหรับในตลาดเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง การเพิ่มความถี่ในการเดินทาง และเพิ่มการใช้จ่ายจากกิจกรรมท่องเที่ยวในตลาดลาว เวียดนาม และการปรับภาพลักษณ์ของไทย กระตุ้นกลุ่ม Young Gen และกลุ่ม First Visit ในตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย 

สำหรับตลาดต่างประเทศททท.จะใช้งบประมาณประจำปีปกติในการทำตลาดต่างประเทศ  และททท. เตรียมจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน  ภายใต้กิจกรรม  “WOW! Thailand Passport Privileges” ทั้งในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว โดยนัก ท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทยในเดือนส.ค.นี้ทุกคน จะได้รับของที่ระลึกสินค้าโอท็อป หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อโปรโมท Must Buy ของที่ระลึกที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อ โดยเตรียมไว้ราว 1 แสนชิ้นขึ้นไป

อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทาง เข้าไทยทุก 1 หมื่นคน จากด่านอากาศทุกด่าน จะได้รับประสบการณ์ WOW Thailand : Must Do ที่จะเป็นแพ็กเกจเที่ยวไทยแบบ Full Board รวมทุกอย่างแล้ว และในช่วงปลายปีนี้ จะมีสิทธิ์ลุ้นพริวิเลจ แพ็กเกจ Once in a Lifetime Package แบบ Full Board รวมทุกอย่างแล้ว ซึ่งเป็นกิมมิกในการกระตุ้นในช่วงโลว์ซีซันนี้ 

ส่วนการกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทย จะเป็นการของบกลาง 1 พันล้านบาท ททท.จะนำมาใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว 55 เมืองน่าเที่ยว โดยจะกระจายการท่องเที่ยวจากเมืองหลักไปยังเมืองน่าเที่ยว เน้นการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ เสน่ห์ไทย Stylecation  ใน 5 Must Do in Thailand ได้แก่ Must Beat, Must Eat, Must Seek, Must Buy, Must See

ภายใต้แคมเปญสุขทันที ที่เที่ยวไทย ที่จะสร้างกระแสท่องเที่ยวตอบโจทย์ทุกสไตล์ ภายใต้เสน่ห์ และอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ โดยตั้งเป้าไทยเที่ยวไทยในปีนี้อยู่ที่ 200 ล้านคน-ครั้ง 

ตลาดระยะไกล ดันรายได้เพิ่ม 2 แสนล้าน

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากเป้าหมายเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวปี 2567 เพิ่มเป็น 3.5 ล้านล้านบาทหรือเพิ่มอีก 5 แสนล้านบาทตามเป้าหมายรัฐบาล ในส่วนของตลาดระยะไกลจะต้องทำเป้ารายได้เพิ่มขึ้นที่ 2 แสนล้านบาท ในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ ดังนั้น ททท.จึงอยู่ระหว่างหารือกับสายการบิน 11 ประเทศ เพื่อทำการตลาดกระตุ้นการเดินทางมากขึ้น

“เรายืนยันว่าเป้าหมายจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติจะขยับเท่าไหน ไม่ว่าจำนวน 35 ล้านคน สร้างรายได้ 3 ล้านล้านตามแผนการทำงานของ ททท. หรือจำนวน 39 ล้านคน สร้างรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท ตามนโยบายของรัฐบาล ตลาดระยะไกลก็จะแชร์เป้าหมายจำนวนที่ 30% และจะพยายามแชร์รายได้ 40%”     

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร

 

สำหรับ 11 ประเทศ ในตลาดระยะไกลแบ่งเป็นตลาดดาวรุ่ง และ ดาวฤกษ์ ประกอบด้วย ตลาดดาวรุ่ง 5 ประเทศ คือ รัสเซีย อังกฤษ อเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส แม้จะมีสัดส่วนเฉลี่ยเยอะมาก 2-3 ล้านคน จำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ในระดับ 70% ของรายได้รวมของตลาดระยะไกล ส่วนตลาดดาวฤกษ์มี 6 ประเทศ คือ แคนาดา อิตาลี คาซัคสถาน โปแลนด์ เดนมาร์ค ซาอุดิอาระเบีย มีสัดส่วนการเติบโตปี 2567 กับปี 2566 แล้วมีจำนวนเติบโตสูงขึ้น

ดังนั้นเมื่อรัฐบาลขยายวันพำนักเป็น 60 วัน ถือเป็นการสนับสนุนให้ต่างชาติพักไทยนานขึ้น ททท. จึงอยู่ระหว่างดำเนินการพันธมิตรสายการบินและโรงแรม ซึ่งก่อนหน้าที่รัฐบาลยังไม่ประกาศขยายระยะเวลาพักเป็น 60 วัน ททท.ได้คุยโปรโมชั่นนี้กับภาคเอกชนด้านท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มวันพักนานสุด 21 วัน เมื่อมีมาตรการใหม่ประกาศใช้ ททท.ตั้งใจว่าจะไปคุยกับสายการบินเพื่อหาแนวทางส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวพักให้นานที่สุดหรือราว 30-45 วัน จากวันพักสูงสุด 60 วัน

ล่าสุด ททท. อยู่ระหว่างการทำโปรโมชั่น ร่วมกับสายการบินและโรงแรม ล่าสุดหารือไปแล้ว 2 สายการบิน อาทิ สายการบินแคนาดา และมีบางสายการบินเตรียมร่วมทำโปรโมชั่น ร่วมกับ ททท. ซึ่งโปรโมชั่น ที่หารือกันจะเป็นการกระตุ้นยอดเดินทาง จำนวนที่นั่งบนเครื่องบิน และจะส่งเสริมให้มีการพักยาวนานขึ้น เช่น จองโรงแรม 10 คืน พักฟรี 1 คืน หรือจองโรงแรม 5 คืน ฟรีดินเนอร์ เป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์หรือพักระยะยาวในไทยนานขึ้น และเกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามตลาดระยะไกลจะต้องมีตลาดดาวรุ่งเข้ามาเสริมในส่วนของรายได้ จากปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 28 ล้านคน โดยการเพิ่มจำนวนวันพักให้นานขึ้น หลังรัฐบาลได้ขยายระยะเวลาการพักจาก 30 วัน เป็น 60 วัน ซึ่งจะมีสัดส่วนประมาณ 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และมีรายได้ 40% ของรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ซึ่งถือว่ามากกว่าปีปกติก่อนโควิด-19 ปี 2562 มีสัดส่วนอยู่ที่จำนวน 23% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และรายได้ 33% ของรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 

ตลาดระยะใกล้ ดันจีน-อินเดียเต็มสูบ

นายฉัททันต์ กุญชร อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากเป้าหมายการทำงานของ ททท. สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวปีนี้ 3 ล้านล้านบาท มั่นใจว่าทำได้จริง เพราะเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ ส่วนการไปให้ถึงเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาทนั้น มองว่าเป็นเรื่องท้าทาย ททท.ต้องการงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย 

ทั้งการจัดอีเวนต์เพื่อกระตุ้นกระแสการเดินทาง การทำโปรโมชันร่วมกับเอกชนท่องเที่ยว อาทิ สายการบิน และบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ต้องทำตลอดทั้งปี รวมไปถึงการจัดโรดโชว์ ล่าสุด ททท.กำลังประสานกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และคิงเพาเวอร์ ร่วมกันจัดโรดโชว์ 3 เมืองในประเทศจีน ได้แก่ ฉางซา ซีอาน และเจิ้งโจว ในปลายเดือน ก.ค.นี้

ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา

 

ปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศต้นทางในภูมิภาคเอเชียมีผลต่อเป้ารายได้การท่องเที่ยวของไทยอย่างมาก บางประเทศอยู่ในภาวะทรงตัว ไม่ได้พุ่งเหมือนยุคก่อนโควิด-19 เช่น จีน ญี่ปุ่น และฮ่องกง แต่ก็ไม่ได้แย่ทั้งหมด มีบางประเทศที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเกินเป้าแล้ว เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ยอดนักท่องเที่ยวพุ่งดีมาก แต่ตลาดเหล่านี้ยังมีจำนวนไม่มากเท่าตลาดจีน ส่วนตลาดอินเดีย เศรษฐกิจเติบโตดีมาก ด้วยมาตรการวีซ่าฟรีช่วยดึงนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 4 มิ.ย. 2567 มีจำนวนสะสม 868,698 คน มากเป็นอันดับ 3 แซงตลาดรัสเซียแล้ว แต่ยังเป็นรองตลาดจีนและมาเลเซีย

เป้าหมายรายได้รวมที่รัฐบาลตั้งไว้ 3.5 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายของ ททท. ถึง 5 แสนล้านบาท ตลาดความหวังคือ นักท่องเที่ยวจีนและอินเดียซึ่งเป็นตลาดที่มีจำนวนสูง จากฐานประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคน โดยในปีนี้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาไทยถึง 8 ล้านคน