ททท.ถกแผนท่องเที่ยวปี 2568 ชูธง ปีท่องเที่ยวไทย ปั้มรายได้ 3.4 ล้านล้าน

08 ก.ค. 2567 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2567 | 01:07 น.

ททท.ประชุมแผนท่องเที่ยวปี 2568 ชูธงปีท่องเที่ยวไทย Thailand Grand Tourism Year 2025 ปั้มรายได้โต 5 -7.5 % จากปี 2567 มุ่งเป้า 3.4 ล้านล้านบาท ต่างชาติเที่ยวไทย 40 ล้านคน ไทยเที่ยวไทย 220 ล้านคน-ครั้ง ดันไทยติดอันดับประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 1 ใน 14 ของโลก

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างประชุมแผนตลาดท่องเที่ยว ปี 2568 ซึ่งมีททท.สำนักงานต่างประเทศ 29 แห่งทั่วโลก และสำนักงานในประเทศ 45 จังหวัดทั่วไทยเข้าร่วมประชุม โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวปีหน้า เพิ่มขึ้น 5 -7.5 % จากปี 2567  หรือสร้างรายได้ในกรณีดีที่สุด อยู่ที่ 3.4 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน และคาดว่าไทยเที่ยวไทยจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 220 ล้านคน-ครั้ง

ทั้งนี้เป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวในปีหน้าเป็นตัวเลขในการหารือภายในองค์กรเบื้องต้น ซึ่งเป็นการวางเป้าหมายขององค์กร ที่เติบโตจากปี2567 ที่วางไว้ที่ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งจะต้องนำเสนอรายได้เป้าหมายให้บอร์ดททท.พิจารณาในวันที่ 12 กรกฏาคมนี้ ก่อนจะแถลงแผนและเป้าหมายการท่องเที่ยวของไทยในปีหน้าในวันที่ 15 กรกฏาคมนี้

ทั้งยังมีเป้าหมายเพิ่มตำแหน่งทางการตลาดด้านการท่องเที่ยวไทยในปี 2568 ให้ติดอันดับประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ สูงสุด ติด 1 ใน 14 ของโลก จากในปี 2566 ที่ติดอันดับ 16 ของโลก และขับเคลื่อนเป้าหมายในปี 2568 ซึ่งรัฐบาลประกาศให้เป็น “ปีท่องเที่ยวไทย”ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หรือ Thailand Grand Tourism Year 2025

เป้าหมายการท่องเที่ยว ปี 2568 ของททท.

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ประธานกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลประกาศให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทยยิ่งใหญ่ที่สุด (Thailand Grand Tourism Year 2025) นับตั้งแต่ประเทศไทยโปรโมตการท่องเที่ยวมา ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย 

โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ยกระดับภาคการท่องเที่ยวไปสู่บริบทใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ IGNITE TOURISM THAILAND หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการดึงอีเวนต์ขนาดใหญ่เข้ามาจัดในไทย พร้อมทำแพ็กเกจท่องเที่ยวตามความสนใจเฉพาะ (Tailor-Made) เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคน เช่น กลุ่มสูงวัย กลุ่มท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ

นัทรียา ทวีวงศ์

การท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ถือเป็นงานหนักของ ททท. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกพูดถึงในทุกภาคส่วน นายกฯพร้อมให้การสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวเต็มที่ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจในยุคฟื้นตัวหลังโควิดระบาด พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เพราะถ้าประเทศไทยจะหวังพึ่งรายได้จากการลงทุน ต้องใช้เวลา 2-3 ปี ขณะที่ภาคการส่งออกก็ต้องใช้เวลาฟื้นตัว ต่างจากภาคการท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าประเทศได้ทันที        

ดังนั้นจึงต้องขอให้ ททท.จัดทำแผนปฏิบัติการสอดรับกับพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยว หรือ Customer Journey รับฟังเสียงลูกค้า ตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง จนถึงเดินทางกลับประเทศ นำมาเป็นสารตั้งต้นในการพิจารณาแผน เพื่อนำไปตกผลึกและยกระดับในด้านต่างๆสำหรับแนวโน้มปี 2568 คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น คนออกมาเที่ยวมากขึ้น

ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในปีหน้าททท.ตั้งเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ ภายใต้คำของบประมาณฯปี 68 วงเงินรวม 6,236 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว 5 -7.5 % หรือสูงสุด 10 % จากปี 2567 โดยคาดว่าจะมีรายได้จากท่องเที่ยว 3.05-3.40 ล้านล้านบาท 

โดยเรามองกรณี Best Case ไว้ที่ 3.40 ล้านล้านบาท เพิ่มจากเป้าหมายของททท.ในปี 2567 ที่วางไว้ที่ 3 ล้านล้านบาท  และคาดว่าในปีหน้าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน และคาดว่าไทยเที่ยวไทยจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 220 ล้านคน-ครั้ง และตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากเมืองน่าเที่ยว 25%จากปีนี้

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ วิสัยทัศน์ททท.จะเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย ในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยเน้นใน 3 ยุทธศาสตร์ คือ 1.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย 2.สร้างประสบการณ์ทรงคุณค่า และ 3. มุ่งสู่ความยั่งยืน 

สำหรับการขับเคลื่อนตลาดต่างประเทศ ในด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะเน้นบริหารจัดการกลุ่ม ดาวฤกษ์ และดาวรุ่ง อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม การนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยว หรือแหล่งท่องเที่ยว ในรูปแบบใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเดิม และเพิ่มเติมกลุ่มใหม่ให้ขยายและครอบคลุม รักษาสัดส่วนตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล ด้วยการเพิ่มอัตราการบรรทุกเฉลี่ย และที่นั่งบนเครื่องบิน และดึงนักท่องเที่ยวระยะไกลกลุ่มใหม่ๆและมีคุณภาพมากขึ้น

ส่วนตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ จะเน้นกลุ่มตลาดหลักเน้นการเข้าหาในทุกมิติ สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน การขยายกลุ่มที่มีโอกาสเติบโต สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ลาว กัมพูชา เวียดนาม โดยอยากเห็นตลาดระยะใกล้ ยังคงกระตุ้นจำนวนได้อย่างต่อเนื่อง เน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ และมีคุณภาพมากขึ้นเช่นกัน

ในส่วนของตลาดในประเทศ จะเน้นด้านใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. Domestic Marketing Campaign 2025 2.เสน่ห์ไทย Must Do ในเมืองน่าเที่ยว 3.Force MOVE กระจายพื้นที่และช่วงเวลา โดยเน้นการทำตลาดทุกช่วงเวลา ซึ่งเชื่อมั่นว่าตลาดไทยเที่ยวไทย ยังคงช่วยพยุงเศรษฐกิจ จากวิกฤตการณ์ต่างๆ ให้แก่ประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง  

ประชุมแผนตลาดททท.ปี 2568

ในด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว จะเน้นใน 3 เรื่อง ได้แก่

  1. สินค้าการท่องเที่ยว ต้องทำให้สินค้า Lead ตลาด ทำให้สินค้า อยู่ในตลาดและเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน
  2. เน้นเรื่องการขยายพื้นที่จัดกิจกรรมนานาชาติ หรือ Thailand Festival Experience เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการตลาดทั้งจำนวนและรายได้
  3. การผลักดันให้บริษัทต่างๆที่ททท.ลงทุนอยู่ทั้ง บริษัทลองเสตย์ ,ไทยแลนด์อีลิทการ์ด,น้ำพุร้อนสันกำแพง พัฒนาให้เป็นผู้นำเทรนด์ หรือแสดงบทบาทผู้นำอุตสาหกรรม

“ปีหน้าจะเป็นปีท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งจะมีเชิญอินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลกมาร่วมงานเฟสติวัลต่างๆในไทย  การจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ อาทิ การจัดแกรนด์เซลล์ในปีหน้า ซึ่งไม่ใช่แค่สินค้าลดราคา แต่เป็นการสร้างความประทับใจ มีสินค้าหลากหลายตอบโจทย์"

ททท.ถกแผนท่องเที่ยวปี 2568 ชูธง ปีท่องเที่ยวไทย ปั้มรายได้ 3.4 ล้านล้าน

ขณะที่ด้านสื่อสารการตลาด ททท.จะเน้นคอนเท้นท์ด้านการท่องเที่ยวที่ WOW น่าสนใจ น่า Share การเป็นผู้นำด้านการสื่อสารการท่องเที่ยว และต้องมีสปีดความเร็วในการรับสาร สื่อสาร และส่งสาร ได้อย่างทันท่วงทีและสอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่ และการใช้ประโยชน์จาก AI ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ประสานโลกออนไลน์กับโลกเสมือนจริงอย่างไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ททท.ยังเน้น 4 กลไกหลักในการขับเคลื่อนท่องเที่ยวในปีหน้า ภายใต้กลยุทธ “PASS”  ได้แก่

  • Partnership 360 องศา ประสานความร่วมมือแบบรอบทิศกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน เพื่อสร้างพลังส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและทั่วโลก
  • Accelerate Access to Digital World เร่งผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนองค์กร ทั้งการตลาดและการพัฒนาด้วยฐานข้อมูลการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Sub-Culture Movement ก้าวสู่การตลาดคุณภาพ เจาะกลุ่มวัฒนธรรมย่อยมุ่งสู่ผู้มีอิทธิพลทางการท่องเที่ยว เพื่อร่วมสร้าง แฟนคลับ ส่งเสริมภาพลักษณ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ ส่งเสริมการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพและวัดผลได้ และ
  • Sustainably Now ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบ ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยใช้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนสู่เกณฑ์การส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนของไทย 

อย่างไรก็ตามความท้าทายของการท่องเที่ยวไทยในปีหน้า จะมี 5 เรื่อง ได้แก่

  1. Climate Change สภาพอากาศที่รุนแรงแบบสุดขั้วที่ส่งผลต่อการออกแบบสินค้าและบริการที่ต้องตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  2. Cost of Living วิกฤตค่าครองชีพที่ส่งผลต่อการตลาดการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการทำการตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมาย
  3. Computer Distortion การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี ททท.จึงต้องใช้ประโยชน์ AI ในด้านการท่องเที่ยวของไทยให้มากขึ้น
  4. Cartographic Politic การแบ่งขั้วและการฝักใฝ่ทางสักคมหรือการเมือง ที่จะส่งผลกระทบต่อท่าทีในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ
  5.  Cyber Hacking การโจมตีทางไซเบอร์ที่จะเจ้าสู่ระบบสารสนเทศของหน่วยงานจะเป็นภาพได้ชัดมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องผ่านไปให้ได้  

ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางการท่องเที่ยวไทยในปีหน้าที่จะเกิดขึ้น