ทริปดอทคอมปักธงกรุงเทพสตูดิโอไลฟ์สดแห่งแรกเอเชีย ปั๊มดีลท่องเที่ยวไทย

30 ส.ค. 2567 | 23:04 น.

ทริปดอทคอมปักธงกรุงเทพฯสตูดิโอไลฟ์สดแห่งแรกเอเชีย ปั๊มดีลท่องเที่ยวไทย พร้อมเดินหน้าขยายตลาดอาเซียน คาดปี 2568 จะมีผู้ใช้งานในตลาดไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ 300 ล้านคน มูลค่าตลาด 35,000 ล้านดอลลาร์

ท่ามกลางการเติบโตของการจองบริการท่องเที่ยวออนไลน์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ในโลกยุคอีคอมเมิร์ส ส่งผลให้วันนี้ Trip.com Group (ทริปดอทคอม) กลายเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรระดับชั้นนำของโลก ซึ่งประกอบด้วย Trip.com, Ctrip, Skyscanner และ Qunar  

จากจุดเริ่มต้นธุรกิจในปี 2542 ที่ประเทศจีน ขยายบริษัทไปจดทะเบียนใน NASDAQ ปี 2546 และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง HKEX ในปี 2564 ปัจจุบัน Trip.com Group ให้บริการครอบคลุม 24 ภาษา ใน 39 ประเทศ รองรับ 35 สกุลเงิน

มีเครือข่ายสำหรับจองที่พักและเที่ยวบินมากกว่า 1.7 ล้านแห่ง จากสายการบินกว่า 600 ราย ครอบคลุมสนามบิน 3,400 แห่ง ใน 220 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก

กลยุทธ์ด้านการตลาดที่สร้างรายได้ให้กับ Trip.com Group เป็นอย่างมาก คือ “E-commerce Livestream” ซึ่งเป็นการไลฟ์สตรีมมิ่งเสนอดีลห้องพักและบริการต่างๆด้านการท่องเที่ยวในราคาดึงดูดใจ ซึ่งในปี 2568 ขนาดการซื้อขาย (Transaction Scale) มีแนวโน้มเติบโตราว 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2565

ทริปดอทคอมปักธงกรุงเทพสตูดิโอไลฟ์สดแห่งแรกเอเชีย ปั๊มดีลท่องเที่ยวไทย

โดยข้อมูล iResearch KPMG Deloitte ระบุว่าตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซในจีน เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ประเมินว่าในปี 2568 จะมีขนาดผู้ใช้งาน (User) ในตลาดไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ อยู่ที่ 700 ล้านคน มีมูลค่าตลาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มจากปี 2565 ที่มีขนาดผู้ใช้งาน 500 ล้านคน  มูลค่าตลาด 5.4 แสนล้านดอลลาร์ 

แต่ด้วยความที่ตลาดจีนมีการแข่งขันสูง ทำให้ตลาดเริ่มอยู่ในจุดอิ่มตัว ต่างจากตลาดในยุโรป, สหรัฐอเมริกา, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น หรือเป็นตลาดเกิดใหม่  จึงมีอัตราการเติบโตสูง และยังมีโอกาสในส่วนแบ่งตลาด อย่างตลาดอาเซียน คาดว่าในปี 2568 จะมีผู้ใช้งาน 300 ล้านคน มูลค่าตลาด 35,000 ล้านดอลลาร์

ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายสู่ตลาดเกิดใหม่ ล่าสุด Trip.com Group ได้เปิดตัวสตูดิโอ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการไลฟ์สตรีมมิ่งแห่งแรกในเอเชีย Asia Live Streaming Centre ที่สำนักงาน Trip.com กรุงเทพฯ สตูดิโอแห่งใหม่นี้ จะใช้ในการไลฟ์สดในทุก ๆ วัน บนช่องทาง TikTok ของ Trip.com Thailand

โดยร่วมมือกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในไทย เพื่อเสนอดีลการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดแก่นักเดินทางไทยและต่างชาติ และช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวของไทย และมีแผนการจะขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่องด้วยการไลฟ์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับผู้ชมต่างประเทศเป็นลำดับต่อไปด้วย

นางสาวซันนี่ ซัน รองประธานกรรมการ Trip.com Group เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า  ประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของภูมิภาคที่เริ่มมีการไลฟ์สดเพื่อการพาณิชย์ ทั้งประชากรไทยประมาณ 66 ล้านคน เข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้วประมาณ 85%

ทั้งยังมีส่วนร่วมทางโซเชียลมีเดียสูง ตลอดจนศักยภาพในการดึงดูดการท่องเที่ยวระดับท็อปของโลก ทำให้ Trip.com เลือกไทยเป็นฐานแห่งที่ 2 ต่อจากประเทศจีน

ทริปดอทคอมปักธงกรุงเทพสตูดิโอไลฟ์สดแห่งแรกเอเชีย ปั๊มดีลท่องเที่ยวไทย

การไลฟ์จะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการขายให้กับพันธมิตรทางธุรกิจของ Trip.com Group เพื่อให้เหล่าพันธมิตรสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างเต็มที่

เช่น การจัดแคมเปญ Mega Sale ความร่วมมือกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในไทย หรือแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาดของการบริษัทเพื่อให้บริการแบบครบวงจร

อีกทั้ง Trip.com Group ยังมีแผนที่จะจับมือกับพันธมิตรโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่น และธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อร่วมกันมอบข้อเสนอการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยว

โดยจะเน้นที่ข้อเสนอที่แสดงอยู่ในรายการ Trip.Best ซึ่งเป็นรายการจัดอันดับสถานที่และบริการยอดนิยมบนแพลตฟอร์มของ Trip.com ที่จะช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกตัวเลือกที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการที่สุด ณ จุดหมายปลายทางต่าง ๆ ทั่วโลก

ทั้งยังมุ่งจะขยายช่องทางการไลฟ์สดไปบนแพลตฟอร์มของ Trip.com ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยตั้งเป้าว่าจะเปิดตัวต่อไปในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และไตรมาส ปีหน้า โดยมีเป้าหมายในระยะยาวเพื่อขยายการไลฟ์สตรีมมิ่งนี้ไปยังตลาดอื่น ๆ ที่การไลฟ์สตรีมมิ่งนั้นได้รับความนิยม

นางสาว ซันนี่ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทย เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากการเปิดประเทศ ฟรีวีซ่า และความมั่นใจในการเดินทางที่กลับมาแล้ว นักท่องเที่ยวจะมองหาประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าสนใจในไทยทั้งการเดินทางแบบ Business และ Leisure

สำหรับปี 2567 เราคาดว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ด้วยกลยุทธ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดี การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก และความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในการออกแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น Nihao Month เราคาดว่าไทยจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ขณะที่เทรนด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยเฉพาะการเดินทางแบบอิสระ FIT และการเลือกรูปแบบการท่องเที่ยวแบบเฉพาะตัวมากขึ้น

จากการที่นักท่องเที่ยวมองหาการเดินทางที่มีความหมายและตรงตามความสนใจของตนเองแบบเฉพาะเจาะจงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการติดตามกรรท่องเที่ยวตามช่องทางโซเชียลมีเดีย เที่ยวตาม Influencers เพิ่มขึ้น

การเปิด Asia Live Streaming Centre ในไทยของทริปดอทคอม เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวในท้องถิ่น

โดยสตูดิโอจะช่วยให้เราสามารถสร้างเนื้อหา Content Marketing และนำเสอนโปรโมชันที่ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

นางสาวซันนี่ ยังกล่าวต่อว่าสำหรับเป้าหมายของททท.ที่ตั้งเป้านักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปีนี้ 8 ล้านคนและปีหน้า 11 ล้านคน เรามองว่าเป้าหมายนี้สามารถเป็นไปได้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการฟื้นตัวของการเดินทางและความต้องการที่เพิ่มขึ้น

การร่วมมือกับธุรกิจท่องเที่ยวท้องถิ่น พัตธมิตรของเรา และความร่วมมือกับทาง ททท. จะทำให้เราสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากการเปิดสตูดิโอแล้ว  เรามีแผนจะลงทุนในเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เราเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น 

รวมยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในท้องถิ่นและพัฒนาแคมเปญส่งเสริมการขายที่เน้นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนร่วมกับหน่วยงานต่างๆเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอีกด้วย

หน้า 10 ฉบับที่ 4,023 วันที่ 1 - 4 กันยายน พ.ศ. 2567