แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป (Langham Hospitality Group: LHG) และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ บริษัทในเครือของ บีทีเอส กรุ๊ป ประกาศการเปิดตัวโรงแรม เดอะ แลงแฮม แบงค็อก (The Langham Bangkok) ณ โรงภาษีร้อยชักสาม หรือ ศุลกสถาน (Customs House) ในปี 2026 ที่จะถึงนี้ โรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรู แลนด์มาร์คแห่งใหม่ย่านบางรัก โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ตัดผ่านใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย
โดยนำเอาอาคารมรดกเก่าแก่ โรงภาษีร้อยชักสาม รวมถึงอาคารที่ทำการไปรษณีย์เก่าที่เสื่อมโทรมตามการใช้งาน มาชุบชีวิตและบูรณะอย่างสมบูรณ์แบบให้กลับมารุ่งเรืองดังในอดีต โดยยังคงเก็บคุณค่าทางประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างครบถ้วน และจะกลายมาเป็นห้องพัก 78 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและโครงสร้างที่ทันสมัย
โครงการนี้ซึ่งนำโดย แรบบิท โฮลดิ้งส์ มีจุดมุ่งหมายไม่เพียงเพื่อสร้างสถานที่พักผ่อนระดับโลก แต่มุ่งเน้นที่จะเติมเต็มคุณค่าทางวัฒนธรรมและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับย่านบางรัก ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ MATCH ของบริษัทที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเมืองและชุมชน ด้วยความเชื่อมั่นในความสำเร็จที่เคยร่วมกันสร้างมาอย่างยาวนาน แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเหมาะสมในการดำเนินโครงการในลักษณะนี้ จึงได้รับเลือกให้เข้ามาดูแลการบริหารโรงแรมแห่งนี้ในที่สุด
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการแรบบิท โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป จากอังกฤษถือเป็นความเหมาะสมในการได้รับเลือกให้เข้ามาดูแลบริหารโรงแรมในโครงการลักษณะนี้ ด้วยแนวทางความทุ่มเทของบริษัทในการสร้างโรงแรมหรูเหนือกาลเวลาประกอบกับความสำเร็จในการอนุรักษ์มรดกตกทอดต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์
ทำให้แลงแฮม เป็นพันธมิตรในอุดมคติที่จะส่งเสริมวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยวและการโรงแรมระดับ 5 ดาวในภูมิภาค รวมถึงการเชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของอาคาร Customs House และเขตบางรักอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ณ อาคาร Customs House จะดำเนินการตามโครงการอนุรักษ์มรดกที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายของ แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้แก่ เดอะ แลงแฮม บอสตัน ซึ่งเป็นโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ในอาคารเก่าของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เดอะ แลงแฮม ชิคาโก สถานที่พักผ่อนอันหรูหราตั้งอยู่ในอาคาร Mies van der Rohe อันเป็นเอกลักษณ์ และ เดอะ แลงแฮม แพซาดีนา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดซึ่งมีอายุย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1907
นอกจากนี้ล่าสุด แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังได้เข้าไปบูรณะโรงงานกระจกเก่าบนเกาะมูราโน ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนอันหรูหราเหนือกาลเวลาด้วยเช่นกัน
นายบ็อบ แวนเดน ออร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า กลุ่มแลงแฮม ได้ร่วมมือกับ แรบบิท โฮลดิ้งส์ บริษัทในเครือของ บีทีเอส กรุ๊ป เปิดตัวโรงแรม โรงแรม เดอะ แลงแฮม แบงค็อก (The Langham Bangkok) แห่งแรกใน กทม. ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก มีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2569
“โปรเจค เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ณ Customs House ได้มาเติมเต็มความตั้งใจของเราในการบูรณาการการอนุรักษ์วัฒนธรรมเข้ากับการพัฒนาโรงแรม และในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่แขกผู้มาเยือนและชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน”
สำหรับพื้นที่ของโรงแรม ที่เป็นที่ดินของ โรงภาษีร้อยชักสาม หรือ ศุลกสถาน (Customs House) ทำเลที่สวยงามอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยโรงแรมจะนำอาคารเก่าของโรงภาษีร้อยชักสาม และ อาคารที่ทำการไปรษณีย์เก่า อายุรวมกว่า 130 ปี มารีโนเวทใหม่ให้สวยงาม
โดยยังคงเก็บคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของอาคารเดิมไว้ เพื่อกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ กทม. พร้อมมีการสร้างเพิ่มอาคารใหม่ ที่เป็นห้องพัก จำนวน 78 ห้อง รวมเม็ดเงินการลงทุนในโครงการนี้ประมาณ 6,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้จะดึงเอกลักษณ์ของกลุ่มโรงแรม แลงแฮม มาเปิดไว้ทั้งอาหารและการให้บริการแบบครบวงจร ผสมทั้งเอกลักษณ์จากอังกฤษและตะวันออกมารวมกัน
ทั้งการดึงอาหารยอดนิยมกับ ภัตตาคาร ถังคอร์ท อาหารกวางตุ้งทีได้รับมิชลิน 3 ดาว การมี ฉวนสปา ที่รวมแพทย์แผนโบราณจากประเทศจีน การจัดทำร้านอาหารและผับในสไตล์อังกฤษ และการมีเมนูเครื่องดื่มยอดนิยมกับ อาฟเตอร์นูนที เป็นต้น
สำหรับกลุ่มแลงแฮม เคยเข้ามาลงทุนในประเทศไทยก่อนหน้านี้ช่วง 12-15 ปีก่อน เป็นรีสอร์ท สมุย แต่ยุติการให้บริการไป เนื่องจากผลการตอบรับยังไม่สอดคล้องกัน แต่การกลับเข้ามาลงทุนใหม่ในไทยครั้งนี้
จากการมองโอกาสของ กทม. ที่เป็นเมืองศูนย์กลางและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ประกอบกับโรงแรมมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอาคารประวัติศาสตร์ต่างๆ มารีดีไซน์ใหม่ให้สวยงาม แต่คงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้
อย่างไรก็ตาม แลงแฮม ถือเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งจากประเทศอังกฤษ เมืองลอนดอน สร้างลักชัสรีโฮเทลแห่งแรก แต่ในปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง จึงผสมผสานทั้งความเป็นอังกฤษและเอเชียไว้ด้วยกัน
เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ณ อาคาร Customs House นำเสนอความหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ของเดอะ แลงแฮม ซึ่งแฝงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ ไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือการนำภัตตาคาร ถัง คอร์ท (T’ang Court) ร้านอาหารกวางตุ้งระดับมิชลินสามดาวจากฮ่องกงมาสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือระดับ
พร้อมด้วยบาร์เครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์และขนมหวานระดับโลก ที่จะทำให้โรงแรมแห่งนี้กลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่นักชิมทั่วโลกจะพลาดเสียไม่ได้
นอกจากนี้ แขกผู้เข้าพักยังสามารถสัมผัสกับความผ่อนคลายเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตใจ ที่ ฉวน สปา (Chuan Spa) สถานที่พักผ่อนเพื่อสุขภาพชั้นนำที่เดอะ แลงแฮม ภูมิใจนำเสนอได้อีกด้วย
อาคาร Customs House ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1888 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงงานฝีมืออันยอดเยี่ยมด้วยการออกแบบสไตล์นีโอ-ปัลลาเดียนโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน Joachim Grassi ในส่วนของตัวอาคารมีพื้นไม้สัก บันไดกลางขนาดใหญ่ และโถงทางเดินสี่ชั้นอันงดงามเปี่ยมมนต์ขลัง เป็นตัวอย่างอันน่าทึ่งที่บ่งบอกถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน
อาคารหลังนี้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหน้าเป็นตาของกรุงเทพฯ เป็นประตูสู่ประเทศไทยและมีเรื่องราวในอดีตที่เคยเป็นที่จัดงานสังสรรค์ของราชวงศ์ รวมถึงยังเคยเป็นสถานที่เฝ้ารับเสด็จรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการประพาสทวีปยุโรปเมื่อ พ.ศ. 2450 อีกด้วย
เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ณ โรงภาษีร้อยชักสาม จะยกย่องยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของสยามในอดีต ด้วยการถักทอความงดงามของวัฒนธรรมไทยแบบดั้งเดิมเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตกของอาคารอย่างประณีต
การผสมผสานที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์นี้จะสะท้อนออกมาให้เห็นในทุกส่วนของโรงแรม ตั้งแต่ห้องพักหรูที่อบอุ่น ห้องบอลรูมที่มองเห็นวิวแม่น้ำ ไปจนถึงสปาที่สงบร่มเย็น และพื้นที่ส่วนกลางที่อบอุ่น สร้างบรรยากาศที่สื่อถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของไทยอย่างซาบซึ้ง พร้อมมอบความหรูหราทันสมัยที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่นใด
ผสานความเก่าและใหม่อย่างลงตัว
แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ มุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์แก่นแท้ทางประวัติศาสตร์ของอาคาร Customs House ไปพร้อมกับการผสมผสานความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
การบูรณะอย่างพิถีพิถันนี้จะเชิดชูลักษณะทางสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของอาคาร ควบคู่ไปกับการเสริมการออกแบบร่วมสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกตามศาสตร์และศิลป์อันทันสมัย
การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความเก่าและใหม่นี้จะทำให้แขกผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์พิเศษที่เฉลิมฉลองทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนานและอนาคตอันสดใสของสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้อย่างไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน