การบินไทยยันแอร์บัส A350 ยังไม่มีปัญหาเหมือนคาเธ่ย์แปซิฟิค ยังบินตามปกติ

04 ก.ย. 2567 | 01:23 น.
อัพเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2567 | 01:33 น.

การบินไทย ยังเดินหน้าใช้เครื่องบินแอร์บัส A350 ยืนยันยังไม่พบปัญหาในฝูงบินรุ่นนี้ทั้งหมด 23 ลำ แจงตรวจเช็คทุกรอบตามมาตรฐานความปลอดภัยทุกครั้ง หลังจากสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ยกเลิกเที่ยวบินต่อเนื่องหลังพบปัญหาในส่วนประกอบของเครื่องยนต์ในเครื่องบิน

จากที่สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค  ได้สั่งยกเลิกเที่ยวบินที่ใช้เครื่องบิน แอร์บัส A350 ต่อเนื่องในวันที่ 4 -5 กันยายน 2567 เพื่อทำการตรวจสอบเครื่องบินรุ่นนี้ทั้งหมด 48 ลำในฝูงบิน และยืนยันว่ามีเครื่องบิน 15 ลำที่ต้องเข้ารับการซ่อมแซม หลังจากพบปัญหาในส่วนประกอบของเครื่องยนต์ในเครื่องบิน

ต่อเรื่องดังกล่าว นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการบินไทย มีฝูงบินแอร์บัส A350 จำนวนทั้งหมด 23 ลำนั้น ขณะนี้ทางสายการบิน ยังไม่ได้มีการสั่งระงับการใช้เครื่องบินรุ่นนี้

ชาย เอี่ยมศิริ

ทั้งนี้ศูนย์ซ่อมการบินไทยมีการตรวจเช็กสภาพเครื่องบินทุกรอบตามมาตรฐานความปลอดภัยทุกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบปัญหาหรือมีความผิดปกติส่วนไหนจากเครื่องบิน แอร์บัส A350 

ยกเว้นแต่ว่า ทางผู้บริหารฝ่ายเครื่องยนต์จะมีหนังสือมาแจ้งว่าตรวจสอบพบความผิดปกติ หรือชิ้นส่วนเครื่องยนต์ขัดข้อง โดยปกติก็จะมีการแจ้งให้ทราบอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีการแจ้งพบสิ่งผิดปกติ หรือข้อขัดข้องเกี่ยวกับเครื่องบินฝูงนี้แต่อย่างใด

นายชาย ยืนยันว่า ฝ่ายซ่อมบำรุงเครื่องบินการบินไทย มีการซ่อมบำรุงและตรวจเช็กสภาพตามขั้นตอนปกติ และเนื่องจากยังไม่ได้ทราบรายละเอียดชัดเจน ว่าทางสายการบินที่เจอปัญหานั้นสาเหตุของการที่พบว่ามีเครื่องยนต์ขัดข้องในเครื่องบินแอร์บัส A350 แท้จริงเกิดจากอะไร ก็จะต้องรอติดตามข่าวสารก่อน แต่ในระบบทั่วไป ทางฝ่ายเครื่องยนต์ถ้าพบว่ามีความผิดปกติก็จะแจ้งให้ทางสายการบินทราบอยู่แล้ว 

การบินไทยยืนยันว่าขณะนี้ฝูงบินแอร์บัส A350 ทางสายการบินไทยยังสามารถให้บริการได้ตามปกติ และจะยังคงปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการตรวจเช็กสภาพเครื่องบินอย่างสม่ำเสมอ นายชายกล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ล่าสุดสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ยังคงยกเลิกเที่ยวบินที่ใช้เครื่องบินรุ่นนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากได้ทำการตรวจสอบเครื่องบิน Airbus A350 ทั้งหมด 48 ลำในฝูงบิน และยืนยันว่ามีเครื่องบิน 15 ลำที่ต้องเข้ารับการซ่อมแซม หลังจากพบปัญหาในส่วนประกอบของเครื่องยนต์ในเครื่องบินอย่างน้อย 1 ลำ

โดยคาเธ่ย์ แปซิฟิคได้เริ่มตรวจสอบเครื่องบิน Airbus A350-900 จำนวน 30 ลำ และ Airbus A350-1000 จำนวน 18 ลำทั่วทั้งฝูงบิน ตั้งแต่
วันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้าไปซูริกต้องบินกลับเนื่องจากปัญหาเครื่องยนต์

เหตุการณ์เกิดขึ้นกับเที่ยวบิน CX383 ที่ออกเดินทางจากฮ่องกงไปยังซูริก แต่หลังจากบินไปได้เพียง 75 นาที เครื่องบินต้องกลับไปยังฮ่องกงเนื่องจากสัญญาณเตือนไฟไหม้ในเครื่องยนต์ด้านขวา ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent XWB-97

คาเธ่ย์ แปซิฟิคได้ชี้แจงว่า "เราได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์ รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลทราบในทันที" พร้อมระบุว่า "นี่เป็นครั้งแรกที่ส่วนประกอบดังกล่าวเกิดความเสียหายบนเครื่องบิน A350 ทั่วโลก"

ในแถลงการณ์ที่ส่งถึง BBC ทาง Rolls-Royce ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับคาเธ่ย์ แปซิฟิค Airbus ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหานี้ พร้อมให้คำแนะนำแก่สายการบินอื่น ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกัน

การตรวจสอบเครื่องบิน A350 ทั้งหมดของคาเธ่ย์เสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง และพบว่ามีเครื่องบิน 15 ลำที่ต้องเปลี่ยนส่วนประกอบ 3 ลำได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว

เครื่องบินที่เหลือจะยังไม่สามารถกลับมาให้บริการได้จนกว่าจะผ่านการซ่อมแซมและตรวจสอบอย่างสมบูรณ์ เราคาดว่าเครื่องบินทุกลำที่ได้รับผลกระทบจะกลับมาบินได้ภายในวันที่ 7 กันยายน

อย่างไรก็ตาม จนถึงวันที่ 3 กันยายน 2567 มีการยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด 24 เที่ยวบิน และในวันที่ 4 กันยายน 2567 สายการบินคาดว่าจะยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มเติมอีก 10 เที่ยวบินสำหรับเที่ยวบินในภูมิภาค แต่เที่ยวบินระยะไกลจะไม่ได้รับผลกระทบ

นายคีธ บราวน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของคาเธ่ย์ กล่าวว่าความปลอดภัยของผู้โดยสารและพนักงานคือสิ่งสำคัญสูงสุดของเรา ทุกเครื่องบินจะได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด และเครื่องบินที่ผ่านการตรวจสอบจะกลับมาให้บริการ ส่วนเครื่องบินที่พบปัญหาจะได้รับการซ่อมแซมเพิ่มเติม

ในระหว่างนี้ เรากำลังทำงานร่วมกับกรมการบินพลเรือนฮ่องกง ผู้ผลิตเครื่องบิน และผู้ผลิตเครื่องยนต์ ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นและขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่อดทนรอและเข้าใจ

ขณะที่แหล่งข่าวจาก Bloomberg ระบุว่า ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับสายเชื้อเพลิงที่เกิดการเสื่อมสภาพหรือผิดรูป