วันนี้(วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567)สหภาพแรงงานการบินไทย รวมตัวคัดค้านการเมืองแทรกแซง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยไม่เห็นด้วยที่กระทรวงการคลัง ขอแก้ไขแผนเพื่อเสนอให้เพิ่มผู้บริหารแผนจำนวน 2 ราย จากกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม และขอให้ที่ประชุมเจ้าหนี้ซึ่งมีการประชุมในวันนี้โหวตไม่เห็นด้วยต่อข้อเสนอดังกล่าว
เนื่องจากมองว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมือง จากกรณีที่กระทรวงการคลัง ยื่นแก้ไขแผนขอเพิ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ 2 ราย ได้แก่
1.นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม
2.นายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง
พร้อมยังมองว่าตอนการบินไทยล้ม บาทเดียวก็ไม่ช่วย ไม่จ่าย พอมีกำไรก็จะกลับมายึดคืน
นอกจากนี้ยังได้ออกแถลงการณ์ การเมืองต้องหยุดทำลายการบินไทย สายการบินแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดดังนี้
บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ขาดสภาพคล่อง ขาดทุนอย่างหนักต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี จนต้องเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง การฟื้นฟูกิจการดำเนินไป ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 จนถึงวันนี้รวม 4 ปี 5 เดือน ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความสามัคคีของผู้บริหารแผนและพนักงานทุกคนทุกระดับ อดทน มุ่งมั่น ฟันฝ้ากับปัญหาอุปสรรคนานาประการ สามารถพลิกฟื้นวิกฤตการขาดทุนกลับมามีกำไรได้ตามแผน
สหภาพแรงงานการบินไทย ขอยืนยันว่า สาเหตุที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ขาดทุนนับแสนล้านบาท เกิดจากปัญหาการทุจริตคอรัปชัน เป็นองค์กรที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปนั้น เกิดขึ้นจาก "ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล" ทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังที่ถูกส่งเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ทั้งสิ้น
เช่นการเปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-นิวยอร์ก การจัดซื้อจัดหา เครื่องบิน A-340 จำนวน 10 ลำ แต่เมื่อใช้บินจริงแล้วไม่คุ้มค่า สร้างภาระการขาดทุนสะสมทุกเที่ยวบิน จนต้องปลคระวางเครื่องบิน A - 340 การแต่งตั้งโยกย้ายที่ต้องทำตามใบสั่งนักการเมืองผ่านบอร์ด สร้างความขัดแข็งแตกแยกภายใน การทุจริตการจัดซื้อ การกำหนคนโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้การบินไทยแข่งขันได้อย่างเสรี
การขาดทุนสะสมจากการแสวงหาผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจผ่านตัวแทนรัฐบาลทำให้บริษัทการบินไทยและพนักงานต้องแบกภาระ "การขาดทุน" จนในที่สุดต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ นำมาสู่การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากกว่าหมื่นคน สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสให้กับพนักงานและครอบครัว
ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือชื่อเสียงเกียรติภูมิของสายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยทุกคนได้ร่วมกันสร้าง สนับสนุนส่งเสริมด้วยความภูมิใจยาวนานกว่า 60 ปี ได้ถูกทำลายลงด้วยนโยบายของ "การเมืองทุจริต"
นับจากปี พ.ศ 2563 ถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 4 ปีกว่า ที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้บริหารแผน 3 คน ร่วมกับพนักงานทุกระดับได้ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟื้นฟูกิจการทุกขั้นตอน จนสามารถรักษาการบินไทยไว้ได้และประกาศผลประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ และจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในกลางปี 2568 ได้ โดยไม่ต้องมี "ภาครัฐ" เข้ามาช่วยเหลือ
จากบทเรียนในอดีตที่ฝ้ายการเมืองคือปัญหาที่ทำให้การบินไทยเกือบล้มละลาย จึงเป็นเรื่องที่สหภาพแรงงานการบินไทยไม่อาจยอมรับได้ที่ฝ่ายการเมืองจะส่งผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม 1 คน และ
จากกระทรวงการคลัง 1 คน เข้าเป็นผู้บริหารแผนเพิ่มขึ้นจากตัวแทนกระทรวงการคลังที่มีอยู่แล้ว 1 คนรวมเป็นตัวแทนจากภาครัฐ 3 คนจะทำให้ "ภาครัฐ"เป็นเสียงข้างมากที่มีอำนาจในการบริหารแผนฟื้นฟู สามารถปรับเปลี่ยนแผนงาน ปรับเปลี่ยนนโยบายที่ได้ดำเนินงานมาด้วยดีไม่มีปัญหาการทุจริต ตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่า
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานการบินไทยทุกคนต้องทำทำงานหนักมากเพื่อให้การบินไทย เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อให้สายการบินแห่งชาติมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน ให้คนไทยทุกคนได้ภูมิใจในสายการบินของคนไทย ที่ผู้ใช้บริการทั่วโลกเชื่อมั่นในการบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
สหภาพแรงงานการบินไทย "ขอคัดค้านการส่งผู้แทนภาครัฐ 2 คนจากกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เพิ่มเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ" ให้พนักงานบริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการบิน สะสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 60 ปี ได้ใช้ความรู้ ความสามารถโดยอิสระ ปราศจากการแทรกแซง แสวงหาผลประโยชน์จากฝ่ายการเมืองเช่นในอดีต
หยุด! ทำลายสายการบินแห่งชาติ