นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมดำเนินโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” วงเงิน 422 ล้านบาทที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปก่อนหน้านั้น ซึ่งจะเป็นการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัดแก่ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าเกษตร ผลไม้ เป็นต้น
โดยจะจัดในพื้นที่สาธารณะหรือลานอเนกประสงค์ เช่น สำนักงานเขต การเคหะชุมชน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือแหล่งชุมชนที่เหมาะสม มีคูหาจำหน่ายสินค้า 100-200 คูหา ตั้งเป้าจัดไม่ต่ำกว่า 274 ครั้ง มีระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน เริ่มเดือนต.ค.นี้
นอกจากนี้กรมฯ ได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า จัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในช่วงนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าสินค้าหลายรายการมีราคาถูกลงอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มเนื้อสัตว์ เช่น หมูเนื้อแดง ราคาปรับลดลงมาเหลือกิโลกรัม (กก.) ละ 176 บาท จากเดิม 189 บาท ลดลง 13 บาท
ส่วนตลาดทั่วไป ในกรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ย 185-190 บาท ต่างจังหวัดต่ำสุดอยู่ที่ 170-175 บาท ขึ้นกับตลาดและค่าขนส่ง โดยเฉลี่ยลดลง 5-10 บาท เนื้อไก่ เกือบทุกชิ้นส่วนราคาลดลง 5-10 บาท เช่น หน่องติดสะโพก ราคา 95 บาท/กก. ลดจาก 99 บาท ตลาดทั่วไปราคา 90-95 บาท ไข่ไก่ ราคาปรับลดลงจากโครงสร้างเดิมประมาณฟองละ 10 สตางค์
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสารถุง ราคาลดลงประมาณ 10-30% อาหารกระป๋อง ลด 4-10% เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดสูงสุด 70% ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ก็ปรับลดราคาลง และยังมีสินค้าอื่น ๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซีอิ้ว เป็นต้น ที่มีการจัดโปรโมชันลดราคา
สำหรับราคาผักสด มีทั้งปรับเพิ่มขึ้นและลดลง เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกหนัก และบางพื้นที่มีน้ำท่วม ทำให้ผักเสียหายและออกสู่ตลาดลดลง โดยต้นหอม ผักชี ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 10-20 บาท/กก. ผักอื่น ๆ เช่น ผักกาดขาว ราคาต่ำกว่าปีก่อน กระหล่ำปลี ราคาใกล้เคียงปีก่อน แต่ภาพรวม ผักสดไม่มีปัญหาด้านราคา ปริมาณยังเข้าสู่ตลาดเป็นปกติ ไม่มีปัญหาขาดแคลน
“กรมฯได้ขอความร่วมมือผู้ผลิต ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า เพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้า ที่เป็นที่ต้องการของประชาชน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป และน้ำดื่ม และเพิ่มการจัดส่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ ๆ ประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งได้รับความร่วมมือในการสต๊อกสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภค และมีการจัดส่งสินค้าเป็นปกติ ยังไม่พบว่าจุดใด มีปัญหา หรือพื้นที่ใด มีปัญหา หรือหากเห็นสัญญาณว่าจะมีปัญหา ก็มีแผนรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉินไว้แล้ว”
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าปริมาณสินค้ามีเพียงพอ ไม่ต้องกังวลและไม่จำเป็นต้องกักตุน โดยในพื้นที่ ๆ เป็นจุดเสี่ยง เช่น พื้นที่น้ำท่วม กรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าและปริมาณอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ถ้าตรวจสอบพบมีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท