โครงการประกันรายได้ข้าว ปี 4 หรือ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ฤดูกาลผลิตปี 2565/2566 รวมทั้งโครงการคู่ขนาน และการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ วงเงินรวม 1.5 แสนล้านบาท กำลังจะได้ข้อยุติแล้ว หลังจากต้องล่าช้ามานาน
ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังการประชุมครม. เกี่ยวกับโครงการประกันรายได้ข้าว โดยได้ข้อสรุปว่า จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 นี้
“ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีด้วย ที่มาสั่งการให้ ซึ่งจะดำเนินการทั้งสองส่วน คือ การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และการจ่ายไร่ละ 1,000 บาท หากผ่านการเห็นชอบจากครม.แล้ว ต่อไปจะเป็นขั้นตอนในการปฏิบัติต่อไป” รองนายกฯ ระบุ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในกรณีปัญหาการติดปัญหาเพดานหนี้ในมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของภาครัฐ พ.ศ. 2561 จากการหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาส่วนนี้ รอแค่การพิจารณาในครม.สัปดาห์หน้า
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปดำเนินการแล้ว ส่วนงบประมาณจะใช้เหมือนกับทุกปีที่ดำเนินการ แต่เบื้องต้นวงเงินของโครงการอาจปรับลดลงมาเล็กน้อย หลังจากราคาข้าวปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ราคาสูงกว่าการประกันรายได้ ซึ่งตัวเลขทั้งหมดนั้นจะปรับตัวเลขให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องของโครงการประกันรายได้ข้าวปี4 นั้น นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมนอกรอบหลังจากประชุมครม.เสร็จสิ้น เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการช่วยเหลือชาวนา โดยยืนยันว่าจะมีงบประมาณมาช่วยเหลือแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปคุยประกอบด้วย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ , นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน , นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง , นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 30 นาที