“ฐานเศรษฐกิจ” ยังคงติดตามความคืบหน้า การดำเนินงาน บริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ร่วมลงทุน กับบริษัทยางรายใหญ่ 5 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี, บมจ. ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย), บมจ. ไทยฮั้วยางพารา ,บจก. วงศ์บัณฑิต และ บจก.เซาท์แลนด์รับเบอร์ รายละ 200 ล้านบาท รวม 1,200 ล้านบาท จดทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อ วันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท
โดยมีกรรมการบริษัทเริ่มแรก 6 คน ได้แก่ 1. นายธีธัช สุขสะอาด 2. นายวิชญ์พล สินเจริญกุล 3. นายภัทรพล วงศาสุทธิกุล 4. นายกรกฎ กิตติพล 5. นายบัณฑิต เกิดวงศ์บัณฑิต และ 6. นายชำนาญ นพคุณขจร กรรมการมีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัท คือ นายธีธัช สุขสะอาด ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอื่นอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน หรือกรรมการจำนวน 4 คนลงลายมือชื่อร่วมกัน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 67/25 ถ.บางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม.
ล่าสุด นายวรเทพ วงศาสุทธิกุล ประธานและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้ถือหุ้น บริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” บริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด เลิกกิจการแล้ว และได้รับเงินคืนมาเรียบร้อยแล้วกว่า 40% ที่ได้เงินลงทุนไป ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว มีผลดำเนินการขาดทุนกว่าครึ่งหนึ่ง
"แต่ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการบันทึกลงบัญชีว่าขาดทุน แล้วด้อยค่าทางบัญชีไปแล้ว ส่วนในอนาคตหากจะมีการลงทุนในลักษณะนี้อีกไม่เอาแล้ว ส่วนนโยบายรัฐบาลก็ยังคงต้องดูผลจากการเลือกตั้งอีกครั้ง เพราะวันนี้คงจะไม่มีมาตรการนโยบายอะไรออกมาเพราะไม่มีเงิน อย่างเก่งก็แค่ “ประกันราคายางพารา” ชดเชยให้กับชาวสวนยางตามสัญญาที่ได้หาเสียงไว้"
สอดคล้องกับกรกฏ กิตติพลผู้จัดการฝ่ายการตลาด บมจ. ไทยฮั้วยางพารา กล่าวว่า ได้เงินคืนส่วนหนึ่ง จากบริษัทที่ได้ไม่ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลา 3-4 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัย นายธีธัช สุขสะอาด อดีตผู้ว่าการการ กยท. ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนหมดวาระไป ก็ไม่ได้ทำเลย บัญชีก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหว แล้วพยายามเคลียร์ของที่ กยท.ซื้อยางเข้ามาก็ขาดทุน แล้วตอนช่วงระดมทุนก็มีบางบริษัทให้ครบ 200 ล้านบาท บางบริษัทก็ให้ไม่ครบ เรียกว่าใครที่ให้เต็มจำนวนหุ้น ต้องคืนเงินส่วนที่เหลือกลับไปให้ก่อนเพื่อความยุติธรรม
"หากย้อนเวลากลับไปในวันนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเต็มใจ และไม่เต็มใจที่จะช่วยเพราะจำนวนเงินค่อนข้างเยอะ การจัดการเหมือนเอามาซื้อนำตลาด เหมือนบริจาค เพราะความจริงในวันนั้นก็ตั้งใจกันอยู่แล้วว่าไม่ได้ทำบริษัทเพื่อกำไร แต่ทำเพื่อรักษาเสถียรภาพ รักษาตลาดให้มีการซื้อขายคึกคัก"
ผู้สื่อข่าว ถามว่า ในอนาคตหากมีรัฐบาลชุดใหม่ มาขอความร่วมมือในลักษณะแบบนี้อีก นายกรกฏ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ต้องพิจารณาบริบทในวันข้างหน้าในวันนั้นเงินที่จะเอาไปเอาไปทำอะไร ยกตัวอย่างหากนำไปตั้งบริษัท พัฒนาวงการยางพารา พัฒนาเกษตรกร ผู้ประกอบการให้มีทิศทางที่ดีดูชัดเจน เช่น มาตรฐาน FSC เป็นต้น ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจแม้ว่าบริษัทจะไม่ได้กำไรในวันนี้ อาจจะยาวไป 10-20 ปี อาจจะพอมีกำไร ก็ได้ในอนาคต ไม่ได้ดูแบบว่าเอาเงินไปใช้โดยเปล่าประโยชน์
อนึ่ง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานสถานะ บริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด แจ้ง (สถานะยกเลิก) ได้จดทะเบียนเลิกบริษัท ซึ่งนายทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 และขณะนี้ยังไม่ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี
ผู้ชำระบัญชี คือ นายวิชญ์พล สินเจริญกุล และนายภัทรพล วงศาสุทธิกุล โดยให้ผู้ชำระบัญชีทุกคนกระทำร่วมกัน เว้นแต่การดังกล่าวต่อไปนี้ได้กำหนดอำนาจให้ทำแยกกันได้ คือ การดำเนินการใดๆ เพื่อให้การเลิกและชำระบัญชีเสร็จสิ้นไปให้ผู้ชำระบัญชีหนึ่งคนลงลายมือชื่อ