นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในเดือน ม.ค.66 มีจำนวน 12 ฉบับ มูลค่ารวม 5,399.38 ล้านดอลลาร์ โดยมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ สูงถึง 71.79%
สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงในหลายกรอบความตกลงฯ ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน (กรอบอาเซียน) มันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ทุเรียนสด (กรอบอาเซียน-จีน) รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) และรถยนต์ขนส่งบุคคลความจุของกระบอกสูบเกิน 2,500 ลบ.ซม. (กรอบไทย-ออสเตรเลีย)
ทั้งนี้ กรอบความตกลง FTA ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
สำหรับประเทศที่มีใช้สิทธิส่งออกไปคือ
นอกจากนี้ ยังมีการใช้สิทธิฯ ตามกรอบความตกลงอื่นๆ ได้แก่
สำหรับความตกลง RCEP มีการส่งออกไปยัง 9 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 97.04 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 1,039% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.65 ที่ได้เริ่มบังคับใช้ความตกลง RCEP โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้ความตกลง RCEP อาทิ น้ำมันหล่อลื่น มันสำปะหลังเส้น ปลาทูน่ากระป๋อง หัวเทียน ฟล็อก ผงสิ่งทอ และมิลเน็ป
การใช้สิทธิประโยชน์ข้างต้นเป็นข้อมูลภายใต้ FTA 12 ฉบับ จากจำนวนความตกลงที่มีอยู่ 14 ฉบับ ได้แก่
รวมถึงความตกลง RCEP ซึ่งเป็นความตกลงฉบับล่าสุดของไทยที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 ซึ่งขณะนี้มีผลบังคับใช้กับประเทศคู่ค้าเกือบครบทุกประเทศแล้ว โดยข้อมูลข้างต้นไม่ได้รวมถึงความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ที่ภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ในทุกรายการสินค้า และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ที่ใช้ระบบการรับรองตนเองของผู้ส่งออก (self-declaration)