นายสมชาย รัตนสุภา ผู้อำนวยการกองตรวจสอบและปฏิบัติการ กรมการค้าภายใน เปิดเผยว่ากรมฯได้เข้มงวดในการตรวจสอบผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตร รวมถึงการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันปาล์ม ข้าวเปลือก กระเทียมและหอมหัวใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เป็นต้น
จึงได้นำทีมสายตรวจเฉพาะกิจของกรม เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัด ตำรวจทางหลวง กรมศุลกากร การท่าเรือ กรมทางหลวง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตรวจสอบผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตร
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด รวมทั้งได้สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจเข้มงวดในการตรวจสอบการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร ในพื้นที่ที่เป็นเส้นทางการขนย้าย และพื้นที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร
และเป็นการรักษาเสถียรภาพระบบตลาดสินค้าเกษตรภายในประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน กรมการค้าภายในได้จับกุมดำเนินคดีผู้ประกอบการสินค้าเกษตรที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วจำนวน 25 คดี ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากตรวจพบว่ามีการกดราคารับซื้อ ต้องรับโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งขอให้แสดงราคารับซื้อและรับซื้อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรการ เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด และหากมีการขนย้ายสินค้าเกษตรต้องได้รับอนุญาตก่อนทำการขนย้าย หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายสินค้าเกษตร รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการเอาเปรียบเกษตรกร สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ